ภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ช็อตประวัติศาสตร์ จีน – เกาหลีเหนือ – เกาหลีใต้ เซลฟีรับเหรียญโอลิมปิก
กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ คงจะไม่เกินจริง ถ้าจะใช้เป็นคำบรรยายภาพของนักกีฬาปิงปองประเทศจีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ที่ยืนถ่ายภาพเซลฟีร่วมกันบนโพเดียมขณะรับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันเทเบิลเทนนิสคู่ผสมในปารีสเกมส์ 2024 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทำไมภาพนี้ถึงสร้างไวรัลไปทั่วโลก
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้นั้นไม่ค่อยจะดีนัก แม้จะพยายามรวมชาติกันมากว่า 70 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และหากยังจำกันได้ เมื่อครั้งเอเชียนเกมส์ 2022 ที่เมืองหางโจว ทีมนักกีฬายิงปืนของเกาหลีใต้เคยพยายามจะชวนนักกีฬาของเกาหลีเหนือถ่ายเซลฟีแล้วเหมือนกัน แต่กลับถูกเมินไม่มองและไม่ถ่ายรูปร่วมเฟรม นี่จึงถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีที่นักกีฬาจากเกาหลีเหนือได้ขึ้นรับเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ เนื่องจากโตเกียวเกมส์ไม่ได้ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขัน เรียกว่าหากไม่ใช่กีฬาโอลิมปิก คงไม่ได้เห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้นง่าย ๆ
ภาพสาน-สาม-พันธ์
นาทีประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นหลังรับเหรียญรางวัลเสร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่เหล่านักกีฬาจะถ่ายภาพร่วมกันเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยเหรียญทองเป็นของทีมชาติจีน และเหรียญเงินเป็นของเกาหลีเหนือ ส่วนเกาหลีใต้คว้าเหรียญทองแดงไปครอง
ระหว่างนั้น ลิมจองฮุน นักปิงปองจากแดนโสมขาวได้หยิบโทรศัพท์มือถือซัมซุงซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักประจำการแข่งขันขึ้นมาชวน คิมกุมยอง และรีจองซิก เพื่อนนักกีฬาชาวเกาหลีเหนือถ่ายเซลฟี โดยมีนักกีฬาของจีนคอยช่วยจัดมุมภาพให้ ทำให้เราได้เห็นภาพเซลฟีของ 2 เกาหลี และจีน ที่มีธงชาติของทั้งสามชาติเป็นแบ็กกราวนด์
การเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
การโคจรมาเจอกันครั้งนี้เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายของกีฬาเทเบิลเทนนิสคู่ผสม ซึ่งตามคาดเหรียญทองเป็นของทีมชาติจีน ส่วนคู่ของคิมกุมยอง และรีจองซิก มือวางอันดับ 16 ชาวเกาหลีเหนือ เอาชนะคู่แข่งอย่างญี่ปุ่นและฮ่องกงจนคว้าเหรียญเงินไปครองได้สำเร็จ ทำให้คู่ของลิมจองฮุน และ ชินยูบิน จากเกาหลีใต้ตกไปอยู่อันดับที่ 3 ใด้เหรียญทองแดงไปครอง
นอกจากเหรียญทองแดงแล้ว อีกหนึ่งความสำเร็จที่ทำให้ ลิมจองฮุน ยิ้มไม่หุบ คือการที่เขาไม่ต้องเข้าเกณฑ์ทหารภาคบังคับ ที่จะเริ่มบังคับใช้เดือนหน้า หลังจากที่ฮุนกลับเข้าเกาหลีพอดิบพอดี โดยฮุนจะต้องเข้าฝึกภาคบังคับเพียงไม่กี่สัปดาห์ และจากนั้นก็กลับมาเป็นนักกีฬาได้ดังเดิม
อ้างอิง:










