
ปธ.ชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ระบุมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ผลักดันการส่งออกปาล์มน้ำมัน 300,000 ตัน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่สามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้
วันนี้ 13 พ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ เก็บเกี่ยวผลผลิตส่งขายให้กับลานเทรับซื้อในชุมชน แม้ราคาจะตกต่ำ แต่หากปล่อยไว้ผลปาล์มน้ำมันจะเน่าเสีย โดยขณะนี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 3-3.30 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่กิโลกรัมละ 3.70 บาท สร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันเป็นอย่างมาก

ด้านนายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวานนี้ โดยเห็นชอบในการผลักดันการส่งออกปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาด โดยวางเป้าหมาย 300,000 ตัน ภายในระยะเวลา 5 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ถึงเดือน ต.ค. 61 ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วน

โดยรัฐบาลสนับสนุน ชดเชย ค่าขนส่ง งบประมาณ 525 ล้านบาท เพื่อลดประมาณน้ำมันปาล์มดิบในสต็อก ให้เหลือประมาณ 210,000 ตัน และส่งเสริมการใช้ดีเซลบี 20 สำหรับรถบรรทุก ในปริมาณ 250,000 ตันต่อปี ใช้งบประมาณปีละ 3-4 พันล้านบาท เป็นค่าชดเชย

ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่สามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้ ในอนาคต หากปัญหาราคาตกต่ำอีก ก็ต้องใช้มาตรการแบบเดิมอีก ปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไข ด้านเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ต้องการให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามลานเทมีตะแกรง แยกลูกร่วง, ห้ามรดน้ำ, ไม่รับซื้อผลปาล์มดิบส่งขายให้กับโรงงานสกัด ซึ่งเชื่อว่าโรงงานสกัดจะสามารถสกัดน้ำมันได้เกิน 20% ทำให้คุณภาพน้ำมันปาล์มดิบมีคุณภาพสูงขึ้น เป็นที่ต้องการของตลาด โรงสกัดต้องไม่เอาเปรียบเกษตรกร และจัดระบบการชื้อขายให้เป็นสากล แข่งขันกับตลาดโลกได้










