ประเด็นคือ – ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเริ่มได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น หลังเริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายน แม้รัฐบาลและภาคเอกชนรายใหญ่ชี้ไม่กระทบกับต้นทุนมากนัก เพราะปกติจ้างแพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ
วันที่ 23 เม.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ผลิตชุดนักเรียน แจ้งเรื่องไปยังกรมการค้าภายในขอขึ้นราคาขายปลีกรับเปิดเทอม เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง โดยคาดว่าอาจจะขึ้นราคาเฉลี่ยชุดละ 10-15 บาท
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 5-22 บาททั่วประเทศ เป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตเสื้อผ้าและจำหน่ายชุดนักเรียนเตรียมยื่นเรื่องขอปรับราคาขายกับกรมการค้าภายใน เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง เนื่องจากผู้ผลิตเสื้อผ้าขนาดกลางและขนาดเล็ก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการใช้แรงงานจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนสูงกว่ารายใหญ่ หรือผู้ส่งออกเสื้อผ้า ที่ส่วนใหญ่ให้ค่าจ้างแรงงานมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว
นายถาวร กนกวลีวงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากเริ่ม ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดยเฉพาะผู้ผลิตและจำหน่ายชุดนักเรียนที่ได้รับผล กระทบ 3 ต่อ คือ ต้นทุนค่าจ้างพนักงานตัดเย็บ, จากผ้าผืนที่ปรับขึ้น และค่าขนส่ง เบื้องต้นคาดว่าราคาชุดนักเรียนน่าจะปรับเพิ่มขึ้นราวๆร้อยละ 3 ถึงร้อยละ 5 หรือ เฉลี่ยตัวละ 10-15 บาทต่อชุด ซึ่งชุดนักเรียนเป็นสินค้าควบคุม จึงต้องทำเรื่องไปยังกรมการค้าภายในให้พิจารณาก่อน
ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ กรมจะหารือกับผู้ผลิต ผู้จำหน่ายเสื้อผ้านักเรียน และอุปกรณ์การศึกษา รวมทั้งร้านจำหน่ายเครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียน และห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ห้าง สรรพสินค้า ในการร่วมกันในทำโครงการแบ็ค ทู สคูล หรือลดราคาชุดนักเรียนและอุปกรณ์การศึกษา ให้เป็นของขวัญแก่ผู้ปกครอง ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอม และยังเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพ โดยคาดว่าจะมีการลดราคาช่วงต้น พ.ค.ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอม
