
นายกรัฐมนตรี มีท่าทีล่าสุดกับตำแหน่งประธานอาเซียน ที่ไทยจะได้รับในปี 2562 หลังจากมีบทวิจารณ์จากต่างประเทศคัดค้าน พร้อมเตรียมใช้มาตรการเด็ดขาดกับนักบิดเบือนข่าวสาร
วันที่ 10 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ประจำประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย กับผู้ว่าราชการจังหวัด 32 จังหวัด เพื่อมอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนในมิติด้านการต่างประเทศ ขับเคลื่อนยุทธในการพัฒนาจังหวัดชายแดนของไทย ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า มีหลายฝ่ายอยากให้เราไปถึงตรงโน้นเอาเรื่องราวนั้นมาใส่เข้าไป แล้วปัญหาที่มีมากอยู่ก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งหาทางออกไม่ได้ เขาไม่รู้ในสิ่งที่เราทำไปแล้ว และเขาต่างพูดไปด้วยหลักการ ซึ่งตนไปทะเลาะกับเขาไม่ได้ ทุกคนจะต้องช่วยกัน ส่วนสิ่งสำคัญที่สุดในนโยบายต่างประเทศ คือทำอย่างไร ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่อาเซียนให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยกำลังจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ซึ่งตอนนั้นใครจะเป็นรัฐบาลก็ไม่รู้ แต่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งตนขออย่าให้เกิดปัญหาเหมือนกับการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทย เมื่อปี 2552 ซึ่งประชุมกันไม่ได้ โดยต้องไปทบทวนกันว่า ใครเกี่ยวข้องบ้างในการทำงานวันนี้ต้องใช้กลไกทางกฎหมาย วิธีการใหม่เพื่อทำให้ไทยมีที่ยืนในเวทีโลก ขณะที่การทำงานจะต้องยึดยุทธศาสตร์ 20 ปี นโยบาย ไทยนิยมยั่งยืน และนโยบายประชารัฐ ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ไม่ใช่ประชานิยม และไม่ใช่นโยบายที่จะทำให้มีการสืบทอดอำนาจ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างเวทีทุนหมุนเวียน 4.0 ตอนหนึ่งถึง “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” ว่า ไม่ใช่การสร้างกระแสนิยมในรัฐบาล ไม่ได้มุ่งหวังในการล้มล้างโครงการของพรรคการเมืองเก่า แต่มุ่งหวังในการวางรากฐานให้กับประเทศชาติ โดยเฉพาะให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ว่าพรรคการเมืองจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ก็ต้องทำงานภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปีที่รัฐบาล คสช.กำหนดไว้ และว่า เตรียมใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการกับพวกบิดเบือนข่าวสาร ชี้นำสังคมจนส่งผลกระทบเสียหาย และเป็นอันตรายต่อประเทศ
ขอบคุณภาพ Thaigov
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง









