คู่ปรับ ‘ทรัมป์’ คะแนนนิยมพุ่ง จากเซเลนสกี ถึงว่าที่นายกฯ แคนาดา ภาพสะท้อนโลกมองอเมริกาไม่เหมือนเดิม

คู่ปรับ ‘ทรัมป์’ คะแนนนิยมพุ่ง จากเซเลนสกี ถึงว่าที่นายกฯ แคนาดา ภาพสะท้อนโลกมองอเมริกาไม่เหมือนเดิม

รับตำแหน่งมาแค่เดือนกว่าๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าจะเป็นปรปักษ์กับคนอื่นไปทั่ว 

ตั้งแต่การปะทะคารมกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์เซเลนสกีของยูเครนจนทำให้การเจรจาเรื่องแร่หายากล่มลงไม่เป็นท่า

ไปจนถึงการประกาศสงครามการค้ากับชาติต่างๆอย่างจีนเม็กซิโกและแคนาดายังไม่รวมอีกหลายชาติที่จ่อจะถูกเล่นงานเป็นอันดับต่อไป

แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะดูเหมือนไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดเลยแต่ในทางกลับกันเรื่องนี้กำลังถูกมองว่าเป็นผลดีกับบุคคลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้นำสหรัฐฯเพราะพวกเขากำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทำไมถึงเป็นแบบนั้นเราชวนไปตั้งข้อสังเกตพร้อมกันในโพสต์นี้

 

แคนาดาวางตัวคู่ปรับทรัมป์เป็นว่าที่นายกฯ

หนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของฝั่งตรงข้ามประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆร้อนๆในแคนาดา

โดยเมื่อวานนี้ พรรคเสรีนิยม (Liberal Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของแคนาดา จัดการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อมาดำรงตำแหน่งแทน นายจัสติน ทรูโด ที่ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรีไปเมื่อเดือน ม.. ที่ผ่านมา

ผลปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมคนใหม่คือนายมาร์ก คาร์นีย์อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา เอาชนะคู่แข่งอย่างนางคริสเทีย ฟรีแลนด์อดีตรัฐมนตรีคลังมาได้ ด้วยคะแนนเสียง 86% จากสมาชิกพรรคกว่า 150,000 คน ที่มาร่วมลงคะแนน

ส่งผลให้ตอนนี้ นายคาร์นีย์กลายมาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ซึ่งจะดำรงตำแหน่งต่อจากนายทรูโดไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะต้องจัดก่อนเดือน ต.. ปีนี้

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือ เป็นที่รู้กันว่า นายมาร์ก คาร์นีย์ เป็นคู่ปรับตัวฉกาจ ที่มักจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ล้อเลียน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่บ่อยๆ มีครั้งหนึ่ง เขาถึงกับเคยเปรียบเทียบ ประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์’ (ตัวร้ายในวรรณกรรมแฮร์รี่พอตเตอร์)

อีกทั้งยังเคยประกาศกร้าวด้วยว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสงครามภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเด็ดขาดพร้อมยืนยันจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯต่อไปจนกว่าสหรัฐฯจะให้ความเคารพแคนาดา

ทำให้การได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมของนายคาร์นีย์ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะเขาถูกมองว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะมาเป็นผู้นำแคนาดาในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามนายคาร์นีย์ยังต้องไปแข่งกับนายปิแอร์ปัวลิเวียร์หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นแต่ก็ยังมีการคาดการณ์ว่าเขาก็คือตัวเต็งที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

เซเลนสกีคะแนนนิยมพุ่ง หลังทะเลาะทรัมป์

นอกจากที่แคนาดาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการเปิดเผยมาจาก สถาบันสังคมวิทยานานาชาติเคียฟ (KIIS) เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวยูเครนต่อประธานาธิบดีเซเลนสกี ที่จัดทำขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 14 .. ถึง 4 มี.. ซึ่งเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับการปะทะคารมกันระหว่างผู้นำยูเครน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ในทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 .. ที่ผ่านมา

ปรากฏว่า ผลการสำรวจพบว่า ชาวยูเครนมีความเชื่อมั่นในตัวประธานาธิบดีเซเลนสกีเพิ่มขึ้นถึง 10% หลังเกิดเหตุการณ์ที่ทำเนียบขาว

โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 67% บอกว่า พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวประธานาธิบดีเซเลนสกี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน ที่มีชาวยูเครนเพียง 57% บอกว่า มีความเชื่อมั่นใจตัวประธานาธิบดีเซเลนสกี

ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามที่บอกว่า ไม่มั่นใจในตัวประธานาธิบดีเซเลนสกี ลดลงจาก 37% มาเหลือแค่ 29%

สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนและแคนาดา สะท้อนอะไร

หากมองในทางกลับกันการที่ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหลายประเทศอาจสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของประชาชนต่อภัยคุกคามที่มาจากรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ

จึงทำให้พวกเขาให้ความไว้วางใจผู้นำที่คิดว่าจะสามารถรับมือกับภัยคุกคามนี้ได้เช่นกรณีของแคนาดานายมาร์กคาร์นีย์แม้จะไม่ใช่นักการเมืองอาชีพแต่เขามีประสบการณ์โชกโชนในด้านเศรษฐกิจจากที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดาและผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษในช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศกำลังเผชิญวิกฤติ

และที่สำคัญกว่านั้น คาร์นีย์ยังถูกมองว่าเป็นสายเหยี่ยวที่แข็งกร้าวต่อนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเขาประกาศชัดเจนตั้งแต่กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยม พาดพิงถึงคำขู่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะให้แคนาดามาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

ว่าที่ผู้นำแคนาดาประกาศว่าอเมริกาไม่ใช่แคนาดา และแคนาดาจะไม่มีวันเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม.. เราไม่ได้เรียกร้องการต่อสู้ แต่ชาวแคนาดาพร้อมเสมอ ถ้าหากใครคิดจะใช้ความรุนแรงกับเรา

สิ่งที่เกิดขึ้นในแคนาดา มีนักวิเคราะห์บางคนให้มุมมองว่าแสดงให้เห็นว่าชาวแคนาดากำลังมองหาใครก็ตามที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับประธานาธิบดีทรัมป์ได้ดีที่สุด ทั้งในการตัดสินใจเลือกหัวหน้าพรรคเสรีนิยม และก็อาจรวมไปถึงในการเลือกตั้งระดับประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย

เช่นเดียวกับยูเครน แม้ว่าการปะทะคารมกับผู้นำสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีเซเลนสกี จะทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ แต่จากการสำรวจความคิดเห็นของชาวยูเครนที่ปรากฏออกมา เซเลนสกีกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ชาวยูเครน

KIIS ซึ่งเป็นผู้จัดทำการสำรวจดังกล่าว อธิบายว่า ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ชาวยูเครนยังคงมีความเชื่อมั่นและพร้อมสนับสนุนประธานาธิบดีเซเลนสกี แม้สงครามจะผ่านมานานกว่า 3 ปีแล้วและที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขากำลังมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามต่อยูเครน

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในยูเครนและแคนาดาอาจเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามุมมองที่ชาวโลกมีต่อรัฐบาลสหรัฐฯกำลังเปลี่ยนไป

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง