
ประเด็นคือ – เกษตรกรอำเภอเมืองมหาสารคาม หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนนาปรัง หลังภัยแล้งมาเยือน สร้างรายได้สูงกว่าการทำนาปรังหลายเท่าตัว เดือนละ 30,000 บาท
วันที่ 23 เม.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกร อ.เมืองมหาสารคาม เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ ปกติจะเป็นฤดูทำนาปรัง แต่มาปีนี้น้ำในลำน้ำบริบูรณ์ได้แห้งขอด ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้ตามปกติ ประกอบกับทางชลประทานได้ประกาศแจ้งเตือนว่า น้ำในเขื่อนต่างๆ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นซ้ำซาก โดยปีนี้ทำนา 2 ไร่ ได้ข้าวไม่ถึง 400 กก. ทำให้รายได้ไม่คุ้มกับการลงทุน

เกษตรกรจึงหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนทำนาปรัง ด้วยการปลูกผักสวนครัวซึ่งเป็นพืชล้มลุก มีทั้งข่า ตะไคร้ ผักบุ้ง ชีจีน มะเขือเทศ มะเขือเปราะ ขึ้นฉ่าย บวบหอม และอื่น ๆ ซึ่งสามารถเก็บขายได้ทุกวัน ตรงข้ามกับการทำนาปี นาปรัง ที่ทำรายได้ปีละครั้ง โดยการปลูกพืชผักเน้นการปลูกแบบธรรมชาติปลอดภัยไร้สารเคมี โดยจะใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต

โดยแต่ละวัน จะสามารถเก็บพืชผักแต่ละชนิดออกไปขาย เช่น มะเขือ มะเขือเทศ ข่า ตะไคร้ และอื่นๆ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว 1,000-1,500 บาท ซึ่งมีรายได้สูงกว่าการทำนาปรังหลายเท่าตัว หากเทียบกับการปลูกผักเพียง 2 ไร่ อีกทั้งเป็นพืชใช้น้ำน้อย สนองนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำอย่างประหยัดและมีคุณค่า นอกจากนี้ยังเลี้ยงไก่ไข่ อีกกว่า 100 ตัว จึงมีรายได้เพิ่มจากการขายไข่อีกวันละ 200-300 บาท









