
ประเด็นคือ- กกท. มอบหมายให้ คิง เพาเวอร์ เป็นผู้ประสานงานกับภาคเอกชน ในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (19 ม.ค. 61) นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาเเห่งประเทศไทย (กกท.) นัดประชุมภาคเอกชน 7 บริษัท ที่เข้ามาให้การสนับสนุนการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย ประกอบด้วย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), กลุ่มคิง เพาเวอร์, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และรถไฟฟ้าบีทีเอส

ภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า ภาครัฐจะร่วมมือกับภาคเอกชน ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย กับคิง เพาเวอร์ เป็นผู้ประสานกับอีก 6 บริษัท นำงบประมาณทั้งหมดมาเป็นค่าลิขสิทธิ์ โดยสาเหตุที่มอบหมายให้ คิง เพาเวอร์ เป็นผู้เจรจากับผู้ถือลิขสิทธิ์จากเจ้าภาพนั้น เพราะมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในเรื่องฟุตบอล โดยทุกอย่างจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคม และจะมีการแถลงข่าวความชัดเจนในเดือนกุมภาพันธ์

สำหรับตัวเลขงบประมาณที่จะใช้ซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่จะมาจากภาคเอกชนทั้งหมด ส่วน กสทช. ไม่ให้งบประมาณ แต่จะให้คำปรึกษาเรื่องสัญญาณการถ่ายทอด โดยงบประมาณแบ่งจ่ายตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงพฤษภาคม
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า 3 ช่องทีวีดิจิตัล อาจจะแบ่งถ่ายทอดสดช่องละ 22 นัด และน่าจะมี 3 กลุ่มทุน ที่สนับสนุนด้านกีฬามาตลอด มาร่วมในการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ด้วย









