- ดัชนีเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มี.ค. 61 อยู่ที่ 53.3 สูงสุดในรอบ 5 ปี
- สะท้อนความเชื่อมั่นจากทั้งภาคการผลิตและไม่ใช่ภาคการผลิต ตามความต้องการ (อุปสงค์) ในประเทศที่เริ่มปรับตัวดีและในต่างประเทศ
- โดยเฉพาะในกลุ่มเคมีและปิโตรเลียมและยางและพลาสติก กระดาษ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า และโลจิสติกส์

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment Index) เป็นหนึ่งในดัชนีตัวชี้วัดที่สะท้อนภาวะทางธุรกิจและเศรษฐกิจในขณะนั้นว่ามีภาวะเป็นอย่างไร ดัชนีฯ ที่สูงแสดงว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมาก เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ถ้ามีดัชนีฯ ที่ต่ำลงภาวะเศรษฐกิจอาจมีผลในทางตรงข้าม
ค่าดัชนีฯ น้อยกว่า 50 ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นทางธุรกิจแย่ลงกว่าเดือนก่อน
ค่าดัชนีฯ เท่ากับ 50 ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นทางธุรกิจทรงตัวกว่าเดือนก่อน
ค่าดัชนีฯ มากกว่า 50 ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีขึ้นกว่าเดือนก่อน
โดยเป็นข้อมูลจากการสุ่มตัวอย่างจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทั้งภาคการผลิต การค้า และภาคบริการ ทั้งขนาดย่อมทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 50 ล้านบาท ขนาดกลาง ทุนจดทะเบียน 50 – 200 ล้านบาท และขนาดใหญ่ ทุนจดทะเบียนมากกว่า 200 ล้านบาท นำผลประกอบการ คำสั่งซื้อทั้งหมด การลงทุน การจ้างงาน การผลิต และต้นทุนการผลิต มาคำนวณหาดัชนีฯ
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลปริมาณสินค้าคงคลัง ภาวะทางการเงิน แนวโน้มตลาดการเงิน ราคาขาย ภาวะการส่งออก กำลังการผลิต การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ การคาดการณ์ต้นทุนของราคาวัตถุดิบ และข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ แต่ไม่ได้นำมาคำนวณดัชนีฯ

วันที่ 2 เมษายน 2561 ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนมีนาคม 2561 พบเพิ่มขึ้นจาก 51.4 ในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 53.3 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556 โดยเป็นการปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการ ภาคการผลิตและภาคที่มิใช่การผลิต โดยกลุ่มผู้ผลิตมีความเชื่อมั่น ด้านการผลิตและคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากตามอุปสงค์จากต่างประเทศที่ขยายตัวดี และอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มเคมีและปิโตรเลียมและยางและพลาสติก กระดาษ อาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับภาคที่มิใช่การผลิตความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการภาคการค้าและโลจิสติกส์ ตามปริมาณการค้าและคำสั่งซื้อที่ดีขึ้น
เมื่อดูดัชนีฯ ย้อนหลัง 5 เดือนพบว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2560 อยู่ที่ 51.4 เดือนมกราคม 2561 อยู่ที่ 52.5 เดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ 50.2 เดือนพฤศจิกายน 2560 อยู่ที่ 51.3 และเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ 50.6

การคาดการณ์ในอนาคต (อีก 3 เดือนข้างหน้า) พบว่า ดัชนีฯ อาจลดลง แต่ยังอยู่ในระดับสูงที่ 54.4 สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ยังมีต่อการขยายตัว ของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ความเชื่อมั่นจะลดลงจากเดือนก่อนหน้า ในเกือบทุกองค์ประกอบยกเว้นด้านการลงทุนที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีความเชื่อมั่นลดลงในด้านการผลิต และผลประกอบการ (แต่ยังสูงกว่าระดับ 50 ทั้งสองด้าน)
โดยเฉพาะ ในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กตามคาดการณ์ว่ายอดขายจะลดลง ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากความกังวลที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคที่มิใช่การผลิตลดลงในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง คาดว่าเป็นผลจากการเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่ปริมาณการก่อสร้างมี แนวโน้มลดลง









