
ประเด็นคือ – โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการปล่อยข่าวว่า รัฐบาลจะให้โรงไฟฟ้ากระบี่ใช้น้ำมันปาล์ม เพื่อแก้ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ไม่จริง ชี้ช่วยได้น้อย แต่ค่าไฟจะแพงขึ้น 10 เท่า
วันนี้ (29 ธ.ค. 60) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีมีการปล่อยข่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายจะให้โรงไฟฟ้ากระบี่ ใช้น้ำมันปาล์ม เป็นเชื้อเพลิงการผลิต เพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ พร้อมปลุกกระแสให้ชาวกระบี่ และ ชาวสวนปาล์ม ติดตามทวงถามจากรัฐบาล และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ หรือ กฟผ.ว่า ความจริงแล้ว รัฐบาลมีมติไม่ให้นำน้ำมันปาล์มดิบ ไปเผาที่โรงไฟฟากระบี่ เพราะเป็นมาตรการที่ช่วยเกษตรกรได้เพียงเล็กน้อย แต่ส่งผลเสียหาย ให้ประชาชนทุกคนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นถึงมากกว่า 10 เท่า

(ภาพจาก สำนักโฆษกทำเนียบรัฐบาล)
ในทางตรงข้าม รัฐบาลมีมาตรการที่จะช่วยลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบอย่างมีประสิทธิภาพกว่า ด้วยการเร่งรัดให้โรงงานผลิตไบโอดีเซล เพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบ โดยให้ผลิตมากขึ้นกว่าปกติถึง 50 % เพื่อเก็บสำรอง ซึ่งจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นถังให้ลดลงได้มากถึง 50,000 ตันต่อเดือน และยังมีแผนจะใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มจากปกติอีก ถึง 100,000 ตันภายใน 2 เดือน

(ภาพประกอบ)
ทั้งนี้หลังจากได้เริ่มดำเนินการ ตามแนวทางดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 19 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 19 บาท 25 สตางค์ ต่อกิโลกรัม ในขณะที่ราคาที่มาเลเซียอ่อนตัวลง
ขอบคุณภาพ energy24hours.com









