
ประเด็นคือ – ราคายางยังไม่ดีขึ้น สหกรณ์ทำยางรมควันอัดก้อนออกขาย ขาดทุนกว่า 6 ล้านบาท ต้องกู้เงินทุนหมุนเวียน และขายยางแผ่นรมควันไปก่อน
วันนี้ (15 พ.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางหลายกลุ่มจะออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาวิกฤติราคายางพาราตกต่ำ และล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา ตัวแทนเกษตรกรได้เดินทางไปเคลื่อนไหววางพวงหรีด ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้แก้ไขปัญหาวิกฤติราคายาง และมีการยื่นผ่านผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ไปถึงหัวหน้าคณะ คสช. ด้วยก็ตาม แต่มาถึงวันนี้ราคายางพาราก็ยังไม่ดี ราคาน้ำยางสดยังอยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 40–41 บาท ขณะที่ยางแผ่นรมควันยังอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 47 บาท ยังทำชาวสวนยางขาดทุนต่อไป เพราะราคาคุ้มทุนอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 66–70 บาท

ทั้งนี้พบว่าสหกรณ์กองทุนสวนยาง ซึ่งรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรมาแปรรูปทำยางแผ่นรมควัน และสหกรณ์ทำยางแผ่นรมควันอัดก้อนทุกแห่งก็ยังประสบปัญหา โดยเฉพาะที่สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านคลองโตนพัฒนา จำกัด ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นโรงงานยางมาตรฐานอัดก้อน GMP เป็นยางที่ได้มาตรฐานที่สุดสำหรับการส่งออก ยังคงประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ต้องหยุดการอัดก้อนมานานหลายเดือนแล้ว

นายเคียง คีรีรักษ์ ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านคลองโตนพัฒนา จำกัด ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันเกษตรกรขาดเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากเป็นสถาบันเกษตรกรเล็กๆ ทำให้ไม่มีเงินที่จะมาซื้อยางใหม่นับจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จึงต้องหยุดการอัดก้อน ขณะที่ยังคงมียางอัดก้อนค้างอยู่ในสต๊อกทั้งหมดประมาณ 500 ตัน ที่เก็บอยู่ในโกดัง ขณะอัดก้อนเมื่อเดือนมีนาคม-เมยาษน ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 72–75 บาท แต่ราคายางลดลงเรื่อยๆ ขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 52–53 บาท ทำให้สหกรณ์ขาดทุนอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท

โดยทางสหกรณ์ได้แก้ปัญหาด้วยการกู้เงินทุนหมุนเวียนตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลมาเสริม จำนวน 3 ล้านบาท และต้องขายยางแผ่นรมควันที่สหกรณ์ผลิตเองเลี้ยงตัวเองไปวันๆ ได้ประมาณวันละ 300,000 บาท เพื่อนำมาพยุงฐานะ แต่หมดหวังว่าราคาจะขึ้นแล้ว โดยเตรียมที่จะนำยางอัดก้อนที่ค้างอยู่ในสต๊อกนี้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นต่อไป จึงทำให้เดือดร้อนหนักเช่นเดียวกับตัวเกษตรกรและสหกรณ์อื่นๆ ทุกแห่ง









