
ในช่วงที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และการเร่งผลักดันโครงการอีอีซี ทำให้บุคลากรด้านดิจิทัลนั้นมีความต้องการสูง จนหลายคนอาจจะมองว่าขาดแคลน แต่ไม่น่าเชื่อว่า คนเรียนไอทีที่จบออกมาแต่ละปีตกงานกันเกือบครึ่ง
งานวิจัยของทีดีอาร์ไอ และภาพรวมคนเรียนด้านไอทีกว่า 5 แสนคน ขณะนี้ทำงานตรงสายแค่ 15% แปลว่า บุคลากรไม่ได้ขาดแคลน แต่คนจบออกมาไม่มีคุณภาพ ทีดีอาร์ไอเสนอให้ปรับหลักสูตรทันความเปลี่ยนแปลง
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ระบุ ปีที่ผ่านมามีผู้จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์เกือบ 20,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้ว่างงานเกือบ 7,000 คน ขณะที่ความต้องการด้านดิจิทัลในภาคธุรกิจพบว่า มีประมาณ 14,000 คน
ขณะเดียวกันก็พบว่า กำลังคนทำงานที่จบสาขาคอมพิวเตอร์ทั่วประเทศมี 5.7 แสนคน แต่ทำงานตรงสายอาชีพเพียงแค่ร้อยละ 15 และอีกร้อยละ 81 ไม่ทำงานอาชีพ ICT และอีกร้อยละ 3 ว่างงาน

นางสาว เสาวรัจ รัตนคำฟู นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ระบุว่า งานวิจัยสะท้อนปัญหาขาดแคลนกำลังคนด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ และสามารถทำงานได้จริง แม้แต่ละปีไทยมีการผลิตกำลังคนในปริมาณมาก
นางสาว เสาวรัจ ระบุว่า สาเหตุมาจากหลักสูตรสาขาคอมพิวเตอร์ไม่ทันสมัย และไม่ปรับให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และบางหลักสูตรไม่ได้บรรจุวิชาหลักที่จำเป็นต่อวิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเสนอว่า หากต้องการเพิ่มกำลังคนด้านดิจิทัลเพื่อตอบสนองต่ออุตสาหกรรมเป้าหมาย โครงการอีอีซีภาครัฐควรร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา จัดโปรแกรมหรือหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data, Internet of Things ให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน

รองศาสตราจารย์ ชิต เหล่าวัฒนา กรรมการคณะอนุกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษคลัสเตอร์หุ่นยนต์ ระบุว่า เพื่อรองรับบุคลากรด้านดิจิทัลในพื้นที่อีอีซี รัฐบาลทำโครงการสัตหีบโมเดล พัฒนาหลักสูตรนักศึกษาอาชีวะในพื้นที่นำร่องประมาณ 6,000 – 7,000 คน โดยให้บริษัทเอกชนร่วมพัฒนาหลักสูตร สนับสนุนเครื่องมือ และรับเข้าทำงาน อัตราเงินเดือน 15,000 – 20,000 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจ

(ภาพประกอบปกจาก pixabay)









