
สมาชิกสมาคมธนาคารไทยหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาระบบการให้บริการด้านดิจิทัล ได้ข้อสรุป 6 มาตรการพร้อมตั้งกรรมการดูแล และเร่งพัฒนาระบบ
วันที่ 6 ก.ย. 2561 นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (เคบีทีจี) ในฐานะประธานชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกันระหว่างสมาชิกสมาคมธนาคารไทยและตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วมสังเกตการณ์ว่า เพื่อลดผลกระทบจากเหตุขัดข้องในการใช้บริการธนาคารของลูกค้า ทางชมรมฯ และบริษัทกลางที่ดูแลการเชื่อมต่อระบบระหว่างธนาคาร (ITMX) จึงได้ร่วมกำหนดแนวทางการให้บริการด้านดิจิทัล 6 เรื่อง คือ
- เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบ ขจัดปัญหาคอขวด แก้ไขการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมของระบบ เพื่อให้ระบบโมบาย สามารถรองรับปริมาณการใช้บริการได้อย่างน้อย 2 เท่าของช่วงเวลาที่มีปริมาณธุรกรรมสูงสุด (peak)
- การจัดการระบบภายในของแต่ละธนาคาร ให้เพิ่มมาตรการควบคุมเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบ (Change Management) และมีการจัดการที่รัดกุมมากขึ้น
- เพิ่มความสามารถของ ITMX เป็นอย่างน้อย 2 เท่าของระบบปัจจุบันเพื่อรองรับธุรกรรมข้ามธนาคารที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากการใช้นโยบายฟรีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมข้ามธนาคาร
- ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างธนาคารและ ITMX ในการกำหนดเงื่อนไขและแนวทางที่ชัดเจนในการตัดธนาคารที่ระบบขัดข้องออกจากระบบกลางชั่วคราว เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามจนส่งผลกระทบต่อโครงข่ายบริษัทกลางและธนาคารอื่น และสามารถเชื่อมต่อกลับทันทีเมื่อมีการจัดการระบบให้สามารถบริการได้ตามปกติแล้ว
- สร้างความสามารถในการติดตามการทำงานของระบบในภาพรวม โดยให้มีการพัฒนา Dash board กลางสำหรับแสดงสถานะระบบของแต่ละธนาคาร ให้ธนาคารสมาชิกทราบเพื่อความรวดเร็วในการเตรียมการและแก้ไขปัญหา
- ทบทวนการออกแบบระบบโมบาย แบงกิ้ง และการแสดงข้อความสถานะของธุรกรรมให้ชัดเจน เข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการได้โดยไม่สับสน

สมคิด จิรานันตรัตน์ ประธานชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สมาคมธนาคารไทย
นายสมคิด ยอมรับว่า เหตุการณ์วันที่ 31 ส.ค. มีจุดเริ่มต้นมาจากธนาคารกสิกรไทยซึ่งเจ้าหน้าที่ดูแลระบบพยายามเข้าไปจัดการปัญหาในระบบแต่ผิดพลาดจนทำให้อุปกรณ์เครือข่ายหลัก (Core Switch) ของธนาคารกสิกรไทยไม่สามารถทำงานได้ตั้งแต่เวลา 06.30 น. จากนั้นบริษัทกลางที่ดูแลการเชื่อมต่อระบบระหว่างธนาคารหรือ ITMX จึงได้ตัดระบบของธนาคารกสิกรไทยออกจากระบบกลางในเวลา 06.31 น. ธนาคารได้เร่งแก้ไขจนกลับมาใช้ได้ปกติเมื่อเวลา 11.05 น. โดยวันที่ 31 พบว่ามีปริมาณธุรกรรมมากถึง 5,360,000 รายการที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนการล่มของธนาคารอื่นไม่ขอยืนยันว่าเกิดมาจากการล่มของธนาคารกสิกรไทย
ส่วนวันที่ 1 ก.ย. เกิดจากมีผู้ใช้บริการทำธุรกรรมโอนเงินผิดรหัสกว่า 40,000 รายการตลอดวัน โดยกรอกเบอร์โทรศัพท์ในช่องเลขรหัสบัญชีแทน ส่งผลให้ ITMX ตัดระบบดิจิทัลของธนาคารออกจากระบบกลางทันทีเมื่อเวลา 10.15 น. ธนาคารจึงเปลี่ยนไปใช้อีกระบบทดแทนแต่ก็ทำให้ผู้ใช้บริการที่โอนต่างธนาคารไม่สามารถโอนเงินเข้าธนาคารกสิกรไทยได้ และสามารถแก้ไขสำเร็จ เมื่อเวลา 16.11 น.ในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ขอรับผิดและเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าระบบที่ล่มต่อเนื่องสองวันติดไม่ได้เกิดจากตัวระบบของธนาคารกสิกรไทย และไม่ได้ส่งผลเสียหายเป็นมูลค่าเงิน แต่ส่งผลให้การทำธุรกรรมล่าช้า









