เพื่อไทยขอเร่งปลดล็อก ให้เวลาคุยชาวบ้านเรื่องแบ่งเขตใหม่

เพื่อไทยขอเร่งปลดล็อก ให้เวลาคุยชาวบ้านเรื่องแบ่งเขตใหม่

โฆษกเพื่อไทยชี้ทางออก กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งมีปัญหา คสช.ควรปลดล็อกให้เร็วขึ้น ให้นักการเมืองมีเวลาทำความเข้าใจในพื้นที่ ด้านภูมิใจไทยสระบุรี ระบุแม้กระทบไม่มากแต่แบ่งเขตแล้วประชาชนลำบากขึ้น

วันที่ 30 พ.ย. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประกาศการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ในราชกิจจานุเบกษาว่า เมื่อมีประกาศแล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ควรรีบปลดล็อกให้พรรคการเมืองลงพื้นที่ เพื่อไปรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนเพื่อมาทำนโยบาย และทำความเข้าใจเรื่องการแบ่งเขตรูปแบบใหม่

“เนื่องจากการแบ่งเขตเลือกตั้งมีหลายเขตได้แบ่งตำบลและอำเภอแตกต่างไปจากเดิมมาก มีทั้งโยกให้ข้ามอำเภออย่างที่ไม่ควรทำก็มี และการประกาศเขตเลือกตั้งล่าช้ามากเปรียบเสมือนการมัดมือชก เพราะถ้าจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ข้อยุติ ดังนั้น คสช.จะต้องให้โอกาสนักการเมืองทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการแบ่งเขตเลือกตั้งชนิดที่เกินความคาดหมายเช่นนี้ได้ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจแก่ประชาชนเรื่องเขตเลือกตั้งที่แบ่งใหม่ด้วยตนเองให้ครบทุกหมู่บ้านทุกตำบลและทุกอำเภอโดยเร็ว จะรอให้ลงพื้นที่หาเสียงเพียงแค่ 40 วันมันน้อยเกินไปควรจะเพิ่มวันให้มากกว่านี้”

นางลดาวัลลิ์ กล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ ต้องแสดงความใจกว้างและให้ความเป็นธรรมแก่นักการเมืองทุกคนทุกพรรค เพื่อพิสูจน์ว่ามีความจริงใจที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม และต้องไม่มีการใช้ ม.44 เพื่อเอาเปรียบนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามเหมือนที่กำลังถูกกล่าวหา

วัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ

ด้านนายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งที่จังหวัดสระบุรี ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แม้เขตเลือกตั้งจะใหญ่ขึ้นแต่ในฐานะนักการเมืองต้องมีความพร้อมเปรียบเป็นนักรบไม่สามารถเลือกสนามรบได้  แต่ก็อยากติงว่าบางพื้นที่ไม่ควรที่จะแบ่งเขตแบบข้ามเขตสร้างความลำบากให้กับประชาชนเพราะบางพื้นที่มีการนำตะเข็บชายแดนไปรวมกับเขตในเมืองแม้ระยะทางไม่ไกลกันแต่การคมนาคมยังเข้าไม่ถึงการไปลงคะแนนหย่อนบัตรเลือกตั้งของประชาชนอาจจะประสบปัญหาได้

นายวัชรพงศ์ กล่าวต่อว่า ประเมินว่าการแข่งขันในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้รุนแรงมาก เพราะมีหลายพรรคการเมืองในพื้นที่ทั้ง พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงประชาธิปัตย์ เชื่อว่าคะแนนแต่ละพรรคไม่น่าจะทิ้งกัน คนที่จะได้เป็นส.ส.น่าจะได้ประมาณ 40,000-50,000 คะแนน อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่านโยบายของพรรคทั้งการพักหนี้ กยศ.การทำธุรกิจแบบจัดสรรปันส่วน และระบบการแบ่งปันผลกำไร รวมไปถึงภาพใหญ่คือลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชนเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยยังคงรักษาพื้นที่ในจังหวัดสระบุรีได้อย่างแน่นอน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง