“เรืองไกร” ทีมกฎหมายไทยรักษาชาติ ยื่น กกต.พิจารณาสอบก่อนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐ ชี้ผิด 3 ประเด็น เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังเป็นหัวหน้า คสช.เป็นแคนดิเดดตนายกฯ – อุตตม เป็นหัวหน้าพรรคผิดขั้นตอนและจัดโต๊ะจีนหากำไรไม่ใช่ระดมทุน
วันที่ 18 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต.พิจารณาและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ จากประเด็นคำร้องที่ยื่น 3 เรื่องคือ
(1) การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเเคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาการความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ถือเป็นข้าราชการ มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 รัฐธรรมนูญ และถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นอันผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 (2)
(2) กรณีการขาดคุณสมบัติของนายอุตมะ สาวนายน ที่รับเป็นหัวหน้าพรรค 29 ก.ย 2561 ต่อมา 4 ต.ค 2561 จึงได้ยื่นจดแจ้งข้อบังคับพรรคต่อ กกต. และวันที่ 6-7 พ.ย 2561 กกต. ประกาศรับจดข้อบังคับพรรค และ 13 พ.ย 2651 นายอุตตม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จึงสมัครเป็นสมาชิกพรรค แสดงชัดว่า นายอุตตม เป็นหัวหน้าพรรคก่อนมีสถานะเป็นสมาชิกพรรค เป็นอันผิดเงื่อนไข มาตรา 16 ของ พ.ร.ป. พรรคการเมือง 2560 และผิดข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ 2561
(3) นายเรืองไกร ขอให้ กกต. ตรวจสอบการกิจกรรมระดมทุนด้วยการจัดโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะการแสวงหากำไรมาแบ่งกัน ตาม พ.ร.ป. พรรคการเมือง 2560 มาตรา 20 วรรคสอง ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามความในมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ซึ่งนายทะเบียนต้องรวบรวมข้อเท็จจริงรวบรวมหลักฐานเสนอต่อ กกต.
นายเรืองไกร ระบุว่าจากคำร้องทั้ง 3 ข้อ พรรคพลังประชารัฐกระทำเข้าลักษณะต้องห้าม เข้าข่ายมาตรา 92 ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จึงขอให้ กกต. ตรวจสอบ หาพยานและหลักฐาน ที่เชื่อว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งกระทำการต้องห้ามยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรคต่อไป
