
รัฐบาล เร่งเดินหน้าโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” รัฐมนตรีมหาดไทย ระบุ “ไม่ต้องรู้ว่าเงินมาจากไหน แค่รู้ว่าเป็นความตั้งใจทำให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้นก็พอ”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 2561 ขยายตัวถึง 4.8 % สูงสุดในรายไตรมาสในรอบ 5ปี โดยเศรษฐกิจมหภาค รัฐบาลทำมาตั้งแต่จาก 0 เป็น 1-2-3 และขึ้นมาเป็น 4.8 ส่วนระดับล่างจะเติมด้วยโครงการไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อให้กระจายรายได้ สร้างอาชีพ ปรับเปลี่ยน เพิ่มคุณภาพ เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งให้ประชาชนในพื้นที่ โดยทุกกิจกรรมของหมู่บ้านมีประชาชนให้ความสนใจมาร่วมเกือบ 100 คนทุกครั้ง
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย สรุปโครงการแบ่งเป็นกลุ่มอาชีพสร้างงานรายได้ทางตรง 12,544 โครงการ กลุ่มงานรายได้ทางอ้อม 7,999 โครงการ และโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิต 67,857 โครงการ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” แถลงข่าว ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน พ.ร.บ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 61 มีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้มีเงินพร้อม หากแผนงานผ่านการพิจารณาหมดแล้ว สำนักงบประมาณ จะอนุมัติงบประมาณไปให้บัญชีคณะกรรมการหมู่บ้านได้เลย ขั้นตอนอนุมัตินี้จะเสร็จภายในเดือน พ.ค. ส่วนเดือน มิ.ย.จะเริ่มดำเนินการแผนงานได้ทันที และนับจากวันที่ 17 มิ.ย. โครงการต่างๆ ต้องเสร็จภายใน 120 วัน โครงการเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ เพราะเป็นความต้องการของคนในพื้นที่เอง ส่วนโครงการโอท็อป จะมีการพัฒนาโอท็อปในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ประมาณกว่า 3,200 แห่ง งบประมาณ 9,000 ล้านบาท
“โครงการดังกล่าวไม่ต้องรู้ว่าเงินมาจากไหน เพราะทุกชุดที่ลงไป ลงไปในแนวทางประชารัฐ และถึงประชาชนทั้งหมด เงินมาจากก้อนไหน ขอให้เขาได้เท่านั้น ขอให้เขารู้ว่าจะพัฒนาตัวเองอย่างไร พัฒนากลุ่มอย่างไร เงินอะไรลงไปเขาไม่ต้องรู้ แต่อยากให้รู้ว่า เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะทำให้เขามีรายได้ดีขึ้น ยืนยันว่าเราเน้นความยั่งยืนไม่แจกเงิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการฝึกอบรมอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการรัฐ จำนวน 11.4 ล้านคน ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพครั้งนี้ จะได้รับเงินใช้จ่ายเพิ่มเติมในบัตรสวัสดิการ 100-200 บาทต่อเดือนด้วย คาดว่า รัฐบาลมีภาระใส่เงินเข้าบัตรผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมเฉลี่ย 1.2-1.4 พันล้านบาทต่อเดือน คิดเป็น 2.4 หมื่นล้านบาทต่อปี









