“นายกรัฐมนตรี คนที่ 30” มาได้อย่างไร?

รัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดเส้นทาง “นายกรัฐมนตรี” ไว้สองเส้นทาง คือ
(เส้นทางแรก) “นายกฯ คนใน” หมายถึงเลือกจากคนในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอต่อสภา
– เป็น 1 ใน 3 รายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอก่อนเลือกตั้ง
– พรรคการเมืองที่จะมีสิทธิ์เข้าไปโหวตเลือก นายกรัฐมนตรีต้องมี ส.ส. อย่างน้อยร้อยละ 5 ของ ส.ส.ทั้งหมด หรืออย่างน้อย 25 คน
– ใช้เสียงรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกสองสภา หรือ 50 คน
– มติเห็นชอบบุคคลเป็น “นายกรัฐมนตรี” ต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดของสองสภา ( ส.ว. 250+ ส.ส. 500 = 750 คน) คือ 376 เสียงขึ้นไป
(เส้นทางที่สอง) “นายกฯ คนนอก” หมายถึง คนนอกบัญชีพรรคการเมือง กรณีที่ประชุมสภา เลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอมาไม่ได้ เข้าสู่กระบวนการสรรหานายกฯ คนนอก
-ให้สมาชิกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา (750 คน) หรือ 376 คนขึ้นไป เข้าชื่อต่อ ประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88
-ใช้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทั้งสองสภาจาก 750 เสียง คือ 501 เสียงขึ้นไปมีมติให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้
-คนเสนอชื่อนายกฯ คนนอก คือ ส.ส. หรือ ส.ว. ใช้เสียงรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10ของสมาชิกสองสภา หรือ 50 คน
– มติเห็นชอบบุคคลเป็น “นายกรัฐมนตรี” ต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดของสองสภา ( ส.ว. 250+ ส.ส. 500 = 750 คน) คือ 376 เสียงขึ้นไป
– แต่ในกรณีที่เสียงของสองสภาไม่ให้ยกเว้น ไม่มีบัญญัติทางออกไว้ แปลว่าไม่มีที่สิ้นสุด ให้เลือกนายกรัฐมนตรี จากบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอมาต่อไปจนกว่าจะได้
อ่าน >>> เปิด 3 เส้นทาง สู่การเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ “บิ๊กตู่” สนใจการเมือง!









