แบงก์ชาติ ชี้แจงผลขาดทุนบัญชีค่าเงิน ยืนยันไม่ได้เก็งกำไรค่าเงิน

แบงก์ชาติ ชี้แจงผลขาดทุนบัญชีค่าเงิน ยืนยันไม่ได้เก็งกำไรค่าเงิน

ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงผลขาดทุนทางบัญชีค่าเงินบาท ยืนยัน ไม่ได้เก็งกำไรค่าเงิน บริหารสำรองระหว่างประเทศด้วยความรอบคอบ 

วันนี้ (7 พ.ค. 61) นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ชี้แจงข้อเท็จจริง หลังมีกระแสข่าวในโซเชียล เกี่ยวกับผลขาดทุนของธปท.ว่า

  1. ธปท.ไม่ได้เก็งกำไรค่าเงิน เนื่องจาก เข้าไปซื้อเงินตราต่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินควร จนอาจจะเป็นผลเสียต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง เมื่อ ธปท.ซื้อเงินตราต่างประเทศแล้วก็บริหารเงินสำรองระหว่างประเทศด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาว และเปิดเผยตัวเลขฐานะสำรองระหว่างประเทสทุกสัปดาห์
  2. เงินสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากเงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในประเทศไทยมาก ทั้งจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงต่อเนื่องมาหลายปี และการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ
  3. เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงเกิดจึงเกิดการขาดทุนจากการตีราคา (valuation loss) หรือ การขาดทุนทางบัญชี และในทางตรงข้าม ถ้าเงินบาทอ่อนค่าลง เงินสำรองฯ ที่ตีมูลค่าเป็นเงินบาทก็จะเพิ่มขึ้น (valuation gain) หรือมีกำไรทางบัญชี โดยปกติเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ค่าเงินมีแนวโน้มแข็งขึ้น ธนาคารกลางก็มักจะขาดทุนจากการตีราคา แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินอ่อนค่าลง ส่งผลให้ธนาคารกลางมักจะมีกำไรจากการตีราคา “ณ สิ้นปี 2560 ธปท. มีเงินสำรองระหว่างประเทศรวมฐานะการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ประมาณ 2.4 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นหนึ่งบาทเทียบกับเงินดอลลาร์ ธปท.จะขาดทุนจากการตีราคาทันที 2.4 แสนล้านบาท ในทางตรงกันข้าม ถ้าเงินบาทอ่อนค่าลงหนึ่งบาท ธปท. ก็จะมีกำไรจากการตีราคาทันที 2.4 แสนล้านบาท โดยไม่ต้องทำอะไรเลย”
  4. เงินสำรองระหว่างประเทศต้องเก็บอยู่ในรูปเงินตราต่างประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยมีเงินตราต่างประเทศเพียงพอ สำหรับรองรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ การไปลงทุนในต่างประเทศของคนไทย และเป็นกันชนรองรับการไหลออกของเงินทุน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากทั้งโดยนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ และปัจจุบัน เงินสำรองฯของไทยอยู่ในระดับมั่นคงเพียงพอ ซึ่งต่างจากสถานการณ์ในช่วงปี 2540
  5. เงินสำรองฯ ที่ ธปท. ซื้อเข้ามายังอยู่ในรูปของเงินตราต่างประเทศ ไม่ได้เสื่อมคุณภาพลงเมื่อเวลาผ่านไปเหมือนกับสินค้าเกษตรหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่บทความนำไปเปรียบเทียบ

มูลค่าของเงินสำรองระหว่างประเทศในรูปของเงินบาท จะเปลี่ยนแปลงได้ทั้งเพิ่มขึ้น และลดลงตามอัตราแลกเปลี่ยน การขาดทุนจากการตีราคาทางบัญชี ไม่ได้แปลว่าเงินสำรองฯ ที่ ธปท. ถืออยู่จะด้อยค่าลงเรื่อยๆ จนสร้างปัญหาให้แก่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา ธปท.

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง