ไทยไม่มีนโยบายผลักดันผู้ลี้ภัยสู้รบกลับ พร้อมจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม

ไทยไม่มีนโยบายผลักดันผู้ลี้ภัยสู้รบกลับ พร้อมจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม

ในประเทศ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงย้ำไทยไม่มีนโยบายผลักดันผู้ลี้ภัยสู้รบกลับ พร้อมจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม

วันที่ 2 มี.ค.2564 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 จากการปะทะระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ทำให้มีผู้หนีภัยสู้รบเข้าไทยทางด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 2,788 คน ส่งกลับโดยสมัครใจแล้ว 2,572 คน คงเหลือ 216 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา และผู้บาดเจ็บ ที่ได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ โรงพยาบาลแม่สะเรียง และโรงพยาบาลสบเมย โดยทั้งหมดได้รับการตรวจโควิดแล้ว ผลเป็นลบทั้งหมด

 โฆษกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวย้ำว่า ไทยไม่มีนโยบายผลักดันใครกลับประเทศโดยให้ความช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยธรรม แม้ไทยไม่ได้เป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัย ค.ศ.1951 แต่กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ไทยได้ดูแลผู้หนีภัยการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด และมีการจัดพื้นที่พักพิงชั่วคราวตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาหลายแห่ง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยอยู่ในไทย ประมาณ 80,000 คน

 สถานการณ์ในกรุงย่างกุ้ง ยังไม่ถึงขั้นประกาศแจ้งเตือนให้อพยพ แต่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้มีการซักซ้อมและเตรียมแผนพร้อมอพยพไว้พร้อมรองรับที่อาจยกระดับในอนาคต ตอนนี้ยังไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับกรณีที่กองทัพอากาศไทย เตรียมเครื่องบิน C-130 ไว้ 8 ลำ เพื่ออพยพคนไทย แต่ทางสถานทูตฯ ได้เตรียมเที่ยวบินเพื่อนำคนไทยกลับจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นประจำทุกเดือน โดยเดือนเมษายนนี้จะมี 3 เที่ยวบิน คือ วันที่ 6 เมษายน 2 เที่ยวบิน และวันที่ 9 เมษายน อีก 1 เที่ยวบิน หากผู้ใดประสงค์เดินทางกลับ สามารถติดต่อทางสถานทูตฯ ได้ทันที

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
ไทยไม่มีนโยบายผลักดันผู้ลี้ภัยสู้รบกลับ พร้อมจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม