
นักวิชาการมองการแจกเงิน 500 บาทหวังผลทางการเมือง ด้านกรมบัญชีกลางยืนยันไม่มีการดึงเงินกลับ และไม่จำกัดช่วงเวลาการใช้เงิน
กลายเป็นความวุ่นวายไม่น้อยสำหรับเงินช่วยเหลือจับจ่ายปีใหม่ คนละ 500 บาท ที่รัฐบาลเริ่มโอนเข้าบัตรคนจนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่การสื่อสารทำให้เกิดความเข้าในผิดว่าสามารถกดเงินได้เพียง 3 วันเท่านั้น ทำให้เกิดความวุ่นวานขึ้นในทุกพื้นที่
ล่าสุดกรมบัญชีกลาง ชี้เเจงว่า เงินจำนวน 500 บาท ไม่จำกัดเวลาการใช้ และไม่มีการดึงเงินกลับ ซึ่งจะแตกต่างจากวงเงินสวัสดิการซื้อสินค้าธงฟ้า 200-300 บาท ซึ่งต้องใช้จ่ายให้หมดภายในเดือนนั้น ผู้ถือบัตรไม่จำเป็นต้องเร่งถอนเงิน 500 บาทจนกว่ามีความจำเป็นต้องใช้ โดยสามารถกดเป็นเงินสดผ่านเอทีเอ็มกรุงไทย หรือใช้จ่ายที่ร้านธงฟ้า รวมทั้งร้านค้าเอกชนอื่นที่รับบัตรสวัสดิการได้

ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ได้ออกมาระบุว่า การที่ประชาชนออกมาต่อคิวยาวเพื่อกดเงินจากตู้เอทีเอ็มจำนวนมาก เเน่นอนว่าระบบย่อมเกิดคอขวดขัดข้องบ้างเป็นช่วงๆ แต่ยืนยันระบบไม่ได้ล่ม ส่วนตู้ที่เงินหมดทางธนาคารจะมีระบบเตือนเพื่อให้ไปเติมเงิน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับเงิน
นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายเเละกำกับดูเเลรัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า มาตรการบางอย่างเช่นแจกเงินไปเลยเป็นการกระจาย แบบชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ยั่งยืน

ผศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ผศ.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า การแจกเงิน 500 บาท มีนัยทางการเมืองที่ต้องการหาเสียงหรือคะแนนนิยม หาเป็นภาวะปกติจะไม่สามารถทำนโยบายแบบนี้ได้เพราะจะถูกร้องเรียน-ฟ้องร้อง โดยฝ่ายค้าน และรัฐบาลที่ทำหน้าที่โดยระบบประชาธิปไตย (รัฐบาลรักษาการ) จะต้องทำงานเท่าที่จำเป็น ทำในสิ่งที่จะต้องไม่เกิดภาระผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคต การเเจกเงินลักษณะนี้ ไม่ต่างจากนโยบายประชานิยม หวังผลความนิยม ได้เปรียบทางการเมือง ในช่วงใกล้เลือกตั้ง อีกทั้งยังปลูกฝังระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย โดยไม่เกิดการพัฒนารายได้อย่างยั่งยืน









