
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประธาน ชี้แก้กฎหมาย กกต. อาจกระทบความเชื่อมั่นเลือกตั้ง ขณะที่ประธาน กกต.ยืนยันไม่ได้ละเมิดกฎหมายวางคนนั่งผู้ตรวจการเลือกตั้ง เตรียมขอ คสช.ใช้ ม.44 แบ่งเขตเลือกตั้งก่อน
วันที่ 12 ส.ค. 2561 นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอขอแก้กฎหมายการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า การแก้กฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ส่วน กกต. อยู่ในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอาจจะผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ กกต.ไม่จำเป็นต้องไปชี้แจงกับใคร เพราะเป็นเพียงฝ่ายปฏิบัติ และหากยังไม่มีการแก้ไขกฎหมายสามารถดำเนินการตามตารางเวลาที่วางไว้
“ยืนยันว่าไม่มีการวางคนที่ใกล้ชิด หรือมีความจำเป็นตั้งคนของตัวเองส่วนจะมีผลกระทบต่อการตรวจสอบการทำงานหรือไม่ ตอนนีี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะ สนช.ยังไม่ได้ยื่นเรื่อง ยืนยัน กกต.ได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ และไม่ได้ไปละเมิดกฎหมายแต่อย่างใด”
นายศุภชัย เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อเสนอต่างๆ ของพรรคการเมืองว่าต้องดำเนินการอย่างไร ในช่วงเวลา 90 วัน ภายหลังร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศใช้ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ ระหว่างในช่วง 90 วันนี้จะขอให้ กกต. แบ่งเขตการเลือกตั้งได้ก่อน โดยจะขอให้ คสช. ใช้มาตรา 44 เพื่อให้อำนาจ กกต.ทำการแบ่งเขตการเลือกตั้งก่อน เพื่อพรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตได้ เพราะถ้าไม่มีเขตเลือกตั้งที่แน่ชัด จึงยังไม่สามารถทำไพรมารีโหวตได้
“การทำไพรมารีโหวตต้องทำตามกฎหมายที่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนการปลดล็อกและคลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมนั้นเป็นหน้าที่ของ คสช. หากพรรคการเมืองเดิมต้องการประชุมพรรค เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค จะต้องขออนุญาตของ คสช.ก่อนเป็นรายกรณีไป”

ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ที่สามารถทำได้ เมื่อพบว่าหลังมีการบังคับใช้กฎหมายไปแล้วมีปัญหาที่ควรแก้ไข แต่การที่ สนช. เสนอแก้กฎหมาย กกต. ที่เกี่ยวข้องกับการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งโดยอ้างว่า กกต. ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดหน้าที่ ควรรอให้ กกต. ชุดใหม่มาทำหน้าที่สรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้นเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะ กกต. ชุดปัจจุบันมีอำนาจหน้าที่ทำงานตามปกติจนกว่าจะมี กกต. ชุดใหม่ เพราะฉะนั้นการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งก็เป็นการทำงานปกติตามกฎหมาย และ ระเบียบที่วางไว้
ทั้งนี้ นอกจากร่างแก้ไขกฎหมาย กกต. ของ สนช. กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งโดยตัดองค์ประกอบในส่วนของภาคประชาชนออกไปอีกด้วยถือว่าแย่กว่าเดิม เพราะของเดิมมีภาคประชาชนเข้าร่วมสรรหาด้วย ถึงแม้ สนช. จะอ้างว่าเสนอแก้ไขกฎหมาย กกต. เป็นเจตนาดี เพื่อทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริตเที่ยงธรรม แต่ข้ออ้างในการแก้ไขกฎหมาย กกต.ไม่สมเหตุสมผล










