ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติ366 ต่อ 316 เสียง ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญหลังใช้เวลาอภิปรายนานกว่า 4 ชม.

วันที่ 9 ก.พ.2564 ที่รัฐสภามีการประชุมร่วมรัฐสภาโดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมเพื่อพิจารณาญัตติด่วนเพื่อขอมติจากรัฐสภาให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา
ภายหลังการอภิปรายนานกว่า 4 ชม. ซึ่งมีสมาชิกรัฐสภาอภิปรายอย่างกว้างขวาง ทั้งมีผู้คัดค้าน และสนับสนุนโดยในส่วนผู้คัดค้าน อาทิ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะมองว่ารัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จึงไม่ควรให้องค์กรอื่นตีความการทำหน้าที่อีกทั้งประเด็นที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความขัดแย้งทางกฎหมายที่หาทางออกไม่ได้ อีกทั้งเชื่อว่าญัตติดังกล่าว หากถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญจะมีผลกระทบต่อระยะเวลาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่รัฐสภาอยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระสอง ในวันที่ 24-25 ก.พ.นี้ ในขณะที่ผู้อภิปรายสนับสนุนส่วนใหญ่เป็น ส.ว. ที่มองว่าควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อหน้าที่และอำนาจการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
จากนั้นเวลา 14.00 น. นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะผู้ร่วมเสนอญัตติ อภิปรายปิด ตอนหนึ่ง ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีและทำหน้าที่ถ่วงดุลฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้ใช้อำนาจเกินรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบกำหนด โดยปี 2563 – 2564 มีญัตติที่สภาฯ ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ รวม 11 คำร้อง แสดงว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่พิจารณาญัตติของฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นญัตติดังกล่าวถือว่าชอบอย่างยิ่งที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีความเห็นทางข้อกฎหมายแตกต่างกันระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ทั้งนี้ตนไม่กลัวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยถ่วงดุลการทำงาน
จนกระทั่งเวลา 14.20 น. นายพรเพชร ประธานในที่ประชุมได้สั่งให้ที่ประชุมลงมติ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจและหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับหรือไม่ ด้วยคะแนน 366 ต่อ 316 งดออกเสียง 15
และภายหลังจากรับทราบมติแล้ว นายไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้เสนอญัตติ มีสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินไปจับมือและขอบคุณ ส.ว. ยังบริเวณที่นั่งในห้องประชุมด้วย

ประชุมร่วมรัฐสภา










