ตลาดหุ้นทั่วโลกวันนี้ (5 ส.ค. 2567) กอดคอกันร่วง นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวลงกว่า 4,400 จุด หรือ 12.40% ตลาดหุ้นอินเดีย 2,200 จุด หรือ 2.80% และตลาดหุ้นไต้หวัน 1,800 จุด หรือ 8.40%
ตลาดหุ้นไทยเองก็ไม่น้อยหน้า ปรับตัวลงเฉียด 40 จุด ทำจุดต่ำสุดที่ 1,273.17 จุด หรือต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยอาจร่วงได้มากกว่านี้ โดยคาดการณ์แนวรับที่ 1,200-1,250 จุดเลยทีเดียว
‘วิจิตร อารยะพิศิษฐ‘ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด บอกว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลกวันนี้ มาจากความกังวลว่าสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)
หลังตัวเลขจ้างงานและตัวเลขว่างงาน ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงเข้าสู่ Recession มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ยแรงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ (70% คาดว่าจะลด 50 เบสิสพอยท์)
ทั้งนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปี ร่วงต่ำกว่า 3.80% และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะ 102 ดอลลาร์ อยู่ในโซนค่อนข้างอันตราย
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวลงแรงต่อเรื่อง เป็นผลจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) เพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปเป็น 0.25% จากเดิมที่ทรงตัวอยู่ที่ 0.00-0.10% ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่า สินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) ผันผวนในระยะนี้
ขณะที่หุ้นเอเชียที่ร่วงลงหนักคือ ตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดหุ้นไต้หวัน ผลจากสัดส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ค่อนข้างเยอะ ส่วนกลุ่ม TIP (ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์) ปรับฐานไม่มากนัก
สำหรับตลาดหุ้นไทยก็มีโดนหางเลข หลุดจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,280 จุด โดยถูกกดดันทั้งจากฤดูกาลประกาศงบและการเมืองในประเทศ แม้ราคาหุ้นประเทศเราจะไม่แพงนัก แต่ความเชื่อมั่นการลงทุนและฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังไม่เข้า
ทั้งนี้ ประเมินแนวรับที่ 1,200-1,250 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกหน้าหุ้นไตรมาส 2 ปี 2567 ดี และครึ่งหลังปี 2567 ดีต่อ เช่น โรงไฟฟ้า GULF สื่อสาร TRUE และ ADVANC รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม COCOCO
