คุยกับ Gourmet Market เมื่อซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าตาใกล้กัน ผู้ชนะต้องเข้าใจผู้บริโภคได้ลึกสุด

คุยกับ Gourmet Market เมื่อซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าตาใกล้กัน ผู้ชนะต้องเข้าใจผู้บริโภคได้ลึกสุด

ค้าปลีกไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อที่อ่อนตัว ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่รัดเข็มขัดมากขึ้น “ตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต” กลับเป็นไม่กี่เซ็กเมนต์ที่ยังคงเติบโต เมื่อเทียบกับไฮเปอร์มาร์เก็ตและตลาดดั้งเดิมที่ยอดขายติดลบต่อเนื่อง

แรงขับสำคัญมาจากการขยับตัวของหลายผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นดีพาร์ตเมนต์สโตร์ที่ขยายพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้น หรือร้านสะดวกซื้อที่พัฒนาโมเดลใหม่ มีที่จอดรถ รองรับการจับจ่ายแบบครบจบในครั้งเดียว ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเองก็เปลี่ยนจากการ “ช้อปครั้งใหญ่” เป็น “ช้อปถี่แต่เลือกมากขึ้น”

ในสมรภูมิที่การแข่งขันเริ่มใกล้เคียงกันทั้งสินค้า ราคา และบริการ คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ใครมีสาขามากที่สุด แต่คือ ใครเข้าใจผู้บริโภคได้ลึกกว่า และปรับตัวได้เร็วกว่า

TODAY Bizview พูดคุยกับ ‘ศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ ‘พลอยชมพู อัมพุช’ ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ถึงทิศทางของ Gourmet Market พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ว่ามีการปรับตัวต่อในปีหน้าอย่างไร

โดยกลยุทธ์ Gourmet Market มองว่าการเติบโตในวันนี้ ไม่สามารถพึ่งพาแค่ทำเลหรือกำลังซื้อเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเริ่มจาก “Customer Insight”

[ Gourmet Market ขยับจาก “ที่ซื้อของ” สู่ “Premium Lifestyle Destination” ]

‘ศุภวุฒิ’ บอกว่า ตลาดซูเปอร์มาเก็ตแข่งเหนื่อย คนที่มีข้อมูลลูกค้าเยอะและปรับตัวไวจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า Gourmet Market เลยใช้กลยุทธ์สำคัญคือการใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างจริงจัง จาก Personalization ไปสู่ Hyper-personalization เพื่อเข้าใจพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ และความต้องการที่แท้จริง มากกว่าการแบ่งเซ็กเมนต์ด้วยรายได้เพียงมิติเดียว ลูกค้ารายได้ปานกลางอาจเลือกสินค้านำเข้า ขณะที่ลูกค้ารายได้สูงอาจให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความยั่งยืน หรือเรื่องราวของสินค้า

อีกแกนหลักคือการสร้าง Experiential Retail เปลี่ยนซูเปอร์มาร์เก็ตให้เป็นพื้นที่ประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ “ซื้อแล้วกลับ” แต่เป็นที่ที่ลูกค้าสามารถ กิน ดื่ม ช้อป และใช้เวลาอยู่ได้ในที่เดียว สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ฉลาดขึ้น เข้าถึงข้อมูลได้เร็ว ความท้าทายจึงอยู่ที่ “ต้องเร็วกว่าสิ่งที่ลูกค้ารู้อยู่แล้ว”

[ อาหารสด–สินค้านำเข้า หัวใจการแข่งขันของซูเปอร์พรีเมียม ] 

หมวดอาหารสดยังคงเป็นอาวุธหลักของ Gourmet Market ด้วยสัดส่วนพื้นที่กว่า 50% และเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาซื้อซ้ำอย่างสม่ำเสมอ แม้ความถี่เฉลี่ยยังอยู่ที่ราว 3–4 ครั้งต่อเดือน แต่สเปนดิ้งต่อบิลลดลงเล็กน้อยไม่ถึง 2% สะท้อนพฤติกรรม “เลือกมากขึ้น แต่ไม่หายไป”

ในขณะเดียวกัน Gourmet Market เดินหน้าปรับมิกซ์สินค้า เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าและสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มนำเข้าสินค้าเอง ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นราว 15% ของสินค้าทั้งหมด และคาดว่าจะเติบโตแบบดับเบิลดิจิต year on year กลุ่มที่โดดเด่น ได้แก่ ผลไม้นำเข้า บลูเบอร์รี อะโวคาโด โกโก้ และสินค้าสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม เมื่อสินค้านำเข้ากลายเป็น “ของพื้นฐาน” ความท้าทายใหม่คือการทำให้แตกต่าง เช่น การคัดเลือกผลไม้ไซซ์พิเศษ หรือสินค้าที่หาไม่ได้ทั่วไป เพื่อรักษาความเป็นพรีเมียมอย่างแท้จริง

ด้าน ‘พลอยชมพู’ เสริมให้ฟังว่า Gourmet Market มองว่าซูเปอร์มาร์เก็ตไม่สามารถเติบโตได้ลำพัง จึงเดินหน้าสร้าง Ecosystem ร่วมกับพันธมิตรหลากหลาย ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ระดับโลก สถานทูต ไปจนถึงชุมชนท้องถิ่น

หนึ่งในตัวอย่างชัดเจนคือการตอกย้ำบทบาท “Premium Gifting Destination” ผ่านแคมเปญ Gourmet Market Blissful Hampers 2026 ที่ผสานสินค้านำเข้า งานดีไซน์ และงานหัตถศิลป์ไทยเข้าด้วยกัน จับมือแบรนด์ Vassana เปิดตัวคอลเล็กชั่น “Wish Craft – Inspired by Thai Folk Wisdom” ที่ไม่ใช่แค่ของขวัญ แต่สะท้อนคุณค่าทางใจ ความยั่งยืน และอัตลักษณ์ไทย

ตลาดกระเช้าปี 2025–2026 คาดเติบโตราว 10% จากดีมานด์กลุ่มองค์กรและลูกค้าพรีเมียม ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเป็นแรงหนุนสำคัญ โดย Gourmet Market มีกระเช้ามากกว่า 140 รูปแบบ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศและกว่า 30 ประเทศทั่วโลกโดยตัวกระเช้าเองก็จัดราคาให้เข้าถึงง่ายขึ้นเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 บาท สามารถ D.I.Y. สินค้าได้ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น

สุดท้ายแล้ว  ‘ศุภวุฒิ’ บอกว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทุกวัน Gourmet Market มองว่าความเหนื่อยไม่ใช่อุปสรรค แต่คือสัญญาณว่าตลาดกำลังเปลี่ยนเร็ว เป้าหมายในปีถัดไปจึงไม่ใช่การขยายสาขาเชิงปริมาณ แต่เน้นคุณภาพ วางแผนเปิดใหม่ราว 1–2 สาขา และรีโนเวตสาขาเดิมอย่างน้อย 1 แห่ง ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของชุมชนรอบข้าง

เพราะในวันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมีหน้าตาใกล้เคียงกันมากขึ้น ผู้ชนะจึงไม่ใช่คนที่ใหญ่ที่สุด แต่คือแบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคได้ลึกที่สุด และเปลี่ยนความเข้าใจนั้นให้กลายเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างได้จริง

 

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง