
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง รายได้ลด ส่งผลต่อการบริโภค เสนอรัฐบาลดูแลราคาสินค้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
วันที่ 29 พ.ย.2562 ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยโดยสำรวจจาก 1,201 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 11-23 พ.ย.2562 พบว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายลดลงกว่าร้อยละ 50 ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายลดลงเช่นกัน เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น รายจ่ายเพิ่มขึ้นและรายได้ลดลง โดยพบว่าครัวเรือนส่วนใหญ่ร้อยละ 88 มีหนี้จากค่าใช้จ่ายทั่วไป ยานพาหนะ ซื้อบ้านและบัตรเครดิต หากจำแนกเป็นกลุ่มต่างๆ พบว่า ข้าราชการเป็นหนี้จากภาระบ้าน บัตรเครดิต ส่วนอาชีพรับจ้างรายวัน เป็นหนี้ที่กู้มาเพื่อการบริโภค ส่วนเจ้าของกิจการเป็นหนี้จากการลงทุน ขณะที่พนักงานเอกชนเป็นหนี้จาก การซื้อยานพาหนะ บัตรเครดิตและบ้าน ส่วนกลุ่มเกษตรกรเป็นหนี้จากการลงทุนทำเกษตร

จากการสำรวจยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 80 เป็นหนี้ในระบบ หนี้นอกระบบร้อยละ 8 และหนี้ในระบบร้อยละ 12 เป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ โดยมีภาระหนี้สิน ต่อครัวเรือน 340,053 บาท มีภาระผ่อนต่อเดือน 16,124 บาท เพิ่มจากปี 2561 ที่อยู่ที่ 316,623 บาท หรือขยายตัวร้อยละ 7.4

ผศ.ธนวรรธน์ เสนอให้รัฐบาลดูแลค่าครองชีพควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม แก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำให้ได้ภายในไตรมาส 1 หากแก้ไม่ได้จะทำให้หนี้นอกระบบกลับมาขยายตัวในรอบ 4 จัดหาเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ แก้ปัญหาการว่างงานและดูแลสวัสดิการให้ประชาชน โดยกลุ่มที่น่าห่วงคือ เกษตรกร เเละ รับจ้างรายวัน รวมทั้ง กลุ่มเจน วาย ที่ใช้จ่ายพอดีกับรายได้ เเต่ อาจารย์ธนวรรธน์ บอกว่า หนี้ครัวเรือน ยังไม่เกินร้อยละ 80 ต่อจีดีพี ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล คือ ต้องทำให้เศรษฐกิจไตรมาสที่ 1 ปีหน้าต้องฟื้น










