ทางรอดประเทศเล็กรับมือมหาอำนาจ คุยกับ ‘ท๊อป จิรายุส’ จากงาน Annual Meeting of the New Champions 2024

ทางรอดประเทศเล็กรับมือมหาอำนาจ คุยกับ ‘ท๊อป จิรายุส’ จากงาน Annual Meeting of the New Champions 2024

การเงิน

ในงาน Annual Meeting of the New Champions 2024 ของ World Economic Forum มีหนึ่งในประเด็นน่าสนใจที่วงประชุมระดับโลกหารือกันคือ การที่ทุกประเทศจะต้องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น ไปจนถึงการรับมือกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก และทางรอดของประเทศต่างๆ ที่ต้องรับมือกับประเทศมหาอำนาจ 

‘ท๊อป – จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด สรุปเรื่องราวที่ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมประชุมให้ฟังว่า หลังการแยกตัวทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศตะวันตกและตะวันออกส่งผลให้เกิดการกระจาย supply chain ออกจากจีนมากขึ้น เกิดแนวคิด ‘China plus one’ ขึ้นมา โดยที่ตอนนี้จีนยังคงมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก 

เพียงแค่ 5% Growth ของจีนยังเยอะกว่ามูลค่าของอินเดียและญี่ปุ่นรวมกันเสียอีก ซึ่งปีนี้จีนคาดการณ์ว่าจะโตได้ถึง 5.3% ส่งผลกระทบต่อ GDP โลกมากถึง 18% ดังนั้น เศรษฐกิจโลกก็ยังต้องพึ่งพาจีนและจีนยังคงไปต่อได้ในอนาคต

[ 3 ทางรอด ประเทศเล็ก รับมือประเทศมหาอำนาจ ]

ในที่ประชุมเวทีโลกสรุปกลยุทธ์ที่กลุ่มประเทศขนาดเล็กหรือ Small State ใช้รับมือกับประเทศมหาอำนาจเป็น 3 แนวทาง อาทิ

            1. การเป็นผู้ยอมรับชะตากรรม (Be a Price Taker) แนวทางนี้ใช้โดยประเทศสิงคโปร์ เปรียบเสมือนการทำตัวเป็น ‘กุ้งมีพิษ’ ที่แม้ไม่สามารถทำร้ายใครได้ แต่หากถูกกินก็จะสร้างความเจ็บป่วยให้ผู้กิน ซึ่งคือการยอมรับว่าประเทศเล็กไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการกระทำของมหาอำนาจได้ ทำได้แต่ยอมรับผลการตัดสินใจของประเทศมหาอำนาจ แต่ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงจากการเผชิญหน้าโดยตรง
            2. การทูตแบบจักรยาน (Bicycle Diplomacy) กลยุทธ์นี้เน้นความคล่องตัวและการปรับตัว เปรียบเสมือนจักรยานที่สามารถเลี้ยวหลบหลีกระหว่างรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กำลังปะทะกัน ประเทศเล็กสามารถหาช่องทางเอาตัวรอดได้ในขณะที่มหาอำนาจกำลังขัดแย้งกัน แต่ข้อเสียคืออาจไม่ส่งเสริมการพัฒนาในภาพรวม เพราะเน้นเพียงการเอาตัวรอด
            3. การสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อถ่วงดุลอำนาจ (Break the Great Locks) แนวทางนี้เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ และสามารถนำเสนอข้อเท็จจริงที่มีน้ำหนัก ทำให้ประเทศขนาดเล็กสามารถมีเสียงในเวทีระหว่างประเทศได้ 

อย่างไรก็ตาม แต่ละกลยุทธ์กมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับบริบทและสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ประเทศขนาดเล็กอาจต้องผสมผสานกลยุทธ์เหล่านี้เพื่อรับมือกับความท้าทายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

[ ประเทศไทยต้องวางแผนรับมืออย่างไร ]

ในมุมมองของ ‘ท็อป จิรายุส’ เห็นว่า ไทยอาจต้องพิจารณาจากกลยุทธ์ของจีนและเวียดนามมาปรับใช้อย่างเร่งด่วน ที่สำคัญต้องเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับสังคมผู้สูงอายุ (Ageing Population) และเศรษฐกิจผู้สูงวัย (Silver Economy) เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตแบบมีส่วนร่วม (Inclusive Growth) และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

อีกเรื่องที่สำคัญคือการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ (Human Capital) ซึ่งประเทศไทยต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะ (Skill Set) ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น 

ต้องยกระดับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ให้เป็นกระทรวงเกรด A เพื่อผลักดันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Scientech) อย่างจริงจัง เตรียมพร้อมคนไทยให้สามารถแข่งขันในตลาด Digital Economy ได้ อีกทั้งยกระดับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็นกระทรวงเกรด A เช่นกัน เพื่อจัดการเรื่องการพัฒนาสีเขียว (Green Development) อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับประเด็นต่างๆ เช่น Carbon Pricing, Carbon Tax, Net Zero, Climate Tech, Green Loan, Green Transition และ Green Finance เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มของโลก โดยเฉพาะในเรื่องของการผลิตข้าวไทย

การเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตและก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม พร้อมที่จะแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง