ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ประกาศให้หน่วยงานรัฐ Work from Home 1 วัน หลัง ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่การจัดอันดับโลกด้านอากาศ ‘เชียงใหม่’ ติดอันดับ 1 อีกครั้งในวันนี้ ประชาชนได้รับผลกระทบสุขภาพ
สถานการณ์วิกฤติมลพิษทางอากาศ ที่หลายพื้นที่ในประเทศไทย เผชิญมาอย่างต่อเนื่อง และวันนี้ (7 เม.ย. 66) ก็เป็นอีกครั้ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่อากาศแย่ที่สุดติดอันดับ 1 ของโลก

เว็บไซต์ Iqair.com รายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก ณ เวลา 10.15 น. วันนี้ พบว่า เชียงใหม่ มีค่า AQI ถึง 372
– รองลงมา คือ ปูซาน ประเทศ เกาหลีใต้ ค่า AQI อยู่ที่ 180
– อันดับที่ 3 คือ การาจี ประเทศปากีสถาน ค่า AQI อยู่ที่ 177
– อันดับ 4 คือ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ AQI อยู่ที่ 168
– อันดับ 5 ลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน AQI อยู่ที่ 164
– ขณะที่ กรุงเทพฯ ณ เวลาดังกล่าว มีค่า AQI อยู่ที่ 108 ติดอันดับ 18
หากเจาะเข้าดูการตรวจวัดเฉพาะค่า PM 2.5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เว็บไซต์ air4thai รายงาน ณ เวลา 10.00 น. วันนี้ พบว่า พื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูงสุด อยู่ที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว วัดได้ 297 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @arnameraiwa ระบุว่า “ตื่นมาตี 5 เชียงใหม่คือแสบคอมาก แล้วก็ไม่เห็นดอย ปกติมุมนี้จะเห็นดอยสุเทพ วันนี้คือสุดดด”
ตื่นมาตี 5 เชียงใหม่คือแสบคอมาก แล้วก็ไม่เห็นดอย ปกติมุมนี้จะเห็นดอยสุเทพ วันนี้คือสุดดด #ฝุ่นPM25 #ฝุ่นภาคเหนือ pic.twitter.com/6mWe4gRlZc
— 🌻name (@arnameraiwa) April 6, 2023
ประกาศ Work from Home ค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน 24 ชม.

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 66 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกประกาศ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง จัดระบบการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ในส่วนภารกิจที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชน ในวันที่ 7 เม.ย. 66 เป็นเวลา 1 วันเนื่องด้วยจังหวัดเชียงใหม่ มีสถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา มีค่าเกินค่ามาตรฐาน (อยู่ระหว่าง 112-398 มคก./ลบ.ม) และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือ ดังนี้
– สถานบริการ สถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ ร้านอาหาร ให้บริการห้องปรับอากาศเป็นอันดับแรก
– ขอความร่วมมือ บริษัท ห้างร้าน สถานประกอบการ อนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือทำงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อกิจการ เพื่อลดการออกนอกเคหสถาน
– กลุ่มเปราะบาง อาทิ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ลดหรืองดการออกนอกบ้าน
– ให้หน่วยงานของรัฐ พิจารณาเปิดบริการห้องปลอดฝุ่นให้แก่ประชาชน
– ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ไม่มีห้องปลอดฝุ่น ให้พิจารณาหยุดการเรียนการสอน
– สวนสาธารณะในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ให้พิจารณาปิดพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ขอบคุณภาพปกจาก : ทวิตเตอร์ @arnameraiwa










