“เด็กเกิดน้อย” กำลังเป็นปัญหาในหลายประเทศ ถ้ามาดูในเอเชีย ประเทศที่เคยมีประชากรเยอะมากที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วอย่าง ‘จีน’ ก็กำลังเผชิญกับปัญหานี้ และพยายามอย่างมากที่จะเพิ่มอัตราการเกิดให้ได้ทุกวิถีทาง
จำนวนประชากรในจีนลดลงต่อเนื่อง 3 ปีติดๆกัน ปีที่แล้วมีรายงานคนแต่งงานลดลง มากถึง 1 ใน 5 ถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ และยังมีแนวโน้มที่คนไม่สนใจเรื่องแต่งงานมากขึ้นเรื่อยๆ
ปรากฎการณ์ที่เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ คือ การปิดตัวลงของโรงเรียนอนุบาลถึง 5% ในปี 2567 โดยมีโรงเรียนปิดทำการกว่า 14,800 แห่ง และเป็นปีที่ 2 ที่โรงเรียนอนุบาลลดลงด้วย
คนหนุ่มสาวจีนวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับการแต่งงาน รวมถึงค่าเลี้ยงดูบุตร และค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พวกเขาตัดสินใจ ‘ไม่แต่งงาน’, ‘ไม่สร้างครอบครัว’ และ ‘เลือกเป็นโสด’
ไหนจะปัญหาสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่อัตราการว่างงานในจีนยังสูงมาก
คนจบปริญญายังหางานยาก และตำแหน่งงานในปัจจุบันยังมีความไม่มั่นคงสูงในระยะยาว
[ บริษัทเอกชนออกกฎใครไม่แต่งงาน-ไม่มีลูก = ไม่รักชาติ ]
ความพยายามเพิ่มจำนวนประชากรของจีนที่ว่าทำทุกวิถีทาง ถึงขนาดที่ว่า บริษัทจีนหลายแห่งยอมปรับมาตรการใหม่ ออกกฎเหล็กแบบสุดโต่ง เพื่อกระตุ้นให้พนักงานต้องแต่งงานและมีลูก โดยพวกเขาถือว่า เป็นการช่วยประเทศให้รอดพ้นจากภาวะการเกิดต่ำ ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน
มีตัวอย่างจาก บริษัท Shuntian Chemical Group ตั้งอยู่ในมณฑลซานตง ประกาศนโยบายให้พนักงานปรับปรุงความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือพูดง่ายๆ ให้แต่งงาน ภายในวันที่ 30 กันยายนปีนี้
ฟังดูน่าเหลื่อเชื่อ แต่นี่เป็นตัวอย่างบริษัทที่ออกนโยบายโดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นอัตราการแต่งงานในหมู่พนักงานของบริษัท
บริษัทบอกว่าจากการสำรวจ พบว่ามีพนักงานมากกว่า 1,200 คน อายุระหว่าง 28-58 ปี ‘ยังโสดไม่แต่งงาน’ ขณะที่บางคน ‘หย่าร้าง’ และไม่มีแผนที่จะแต่งงานใหม่ บริษัทมองว่า ในจำนวนพนักงานดังกล่าวจำเป็นต้อง ‘แก้ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว’นี้
แต่หลังจากออกมาตรการสุดโต่ง ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก จนในที่สุดบริษัทยอมยกเลิกมาตรการนี้ แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียของจีน ที่ผู้คนยังดีเบตประเด็นนี้กันบนโลกออนไลน์
[ ดราม่าคนโสด ไม่แต่งงานในจีนร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ]
ประเด็นดีเบต การเป็นคนโสด ไม่แต่งงาน ไม่มีลูกในจีนเวลานี้ถูกพูดถึงจากคนจีนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากความเชื่อของคนรุ่นเก่า ที่ไม่เข้าใจคนรุ่นใหม่ พวกเขามองว่า คนที่ปล่อยให้ตัวเองโสด ถือว่าไม่ทำประโยชน์ต่อสังคม
ความคิดและความเชื่อของ ‘คนจีนบางกลุ่ม’ เกี่ยวกับคนที่ยังไม่แต่งงาน หย่าร้าง และไม่มีลูก ยังเป็นเรื่อง ‘ร้ายแรง’ ต่อการเติบโตของประเทศ
คำอธิบาย หรือพูดให้ถูกคือ ‘คำขู่’ ของบริษัท Shuntian Chemical Group ตอนประกาศกฎเหล็กนี้ต่อพนักงานทุกคน เช่น
“หากพนักงานไม่สามารถดำเนินการ (แต่งงาน) ให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/2568 จะต้องเขียนบันทึกสะท้อนความคิดของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“หากพนักงานยังไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 2/2568 บริษัทจะเริ่มดำเนินการประเมินพนักงานคนดังกล่าว”
“หากพนักงานยังไม่สามารถแต่งงานและสร้างครอบครัวได้ภายในไตรมาสที่ 3/2568 บริษัทจำเป็นต้องยกเลิกสัญญาจ้างงานของคุณ” โดยจะมีผลบังคับใช้ทันที
ประกาศจากบริษัท ยังได้วิจารณ์ ‘พนักงานที่ยังโสด’ ว่าเป็นกลุ่มคนที่เมินเฉยต่อคำเรียกร้องของประเทศชาติ ที่พยายามกระตุ้นให้ประชาชนแต่งงานและมีลูก กลุ่มคนเหล่านี้สำหรับบริษัทดังกล่าว ตราหน้าพวกเขาว่า “ไม่ซื่อสัตย์และไม่จงรักภักดี เป็นลูกที่ไม่ดีของพ่อแม่เพราะขัดต่อคำแนะนำของผู้ใหญ่”
บริษัท Shuntian Chemical Group ไม่ใช่บริษัทแรกที่ต่อต้านกลุ่มคนโสด และไม่แต่งงาน รวมถึงคนที่ยังไม่มีลูก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาบริษัทจีนหลายแห่งอาจจะไม่ได้ออกเป็นมาตรการชัดเจนและสุดโต่งขนาดนี้
แต่มาในรูปแบบ ‘เงื่อนไข’ ในการพิจารณารับจ้างงานมากกว่า ที่ผ่านมาบริษัทในจีนหลายแห่งออกกฎรับพนักงานเฉพาะคนที่แต่งงานแล้ว หรือชะลอรับกลุ่มคนที่เคยหย่าร้างมาก่อนไม่ยอมพิจารณาใบสมัครงาน เป็นต้น
[ รัฐบาลจีนงัดมาตรการเชิญชวนให้คนแต่งงาน-มีลูก ]
ปัจจุบันรัฐบาลจีนยังให้ความสำคัญกับเรื่องการแต่งงาน และมีลูก โดยได้ออกนโยบายและมาตรการที่หลากหลาย เพื่อจูงใจให้ประชาชนแต่งงานและมีลูกมากขึ้น เช่น ในปี 2021 ที่รัฐบาลได้ยกเลิกกฎ ‘ลูกคนเดียว’ เพื่อกระตุ้นให้คู่รักสามารถมีลูกได้มากกว่า 1 คนขึ้นไป
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้เพิ่มนโยบายที่จะส่งเสริมและสนับสนุนสำหรับคุณแม่เตรียมคลอดเป็น 2 เท่า เช่น ค่ารักษาพยาบาล และปรับปรุงระบบการลาคลอดให้ง่ายขึ้น เพิ่มวันลาคลอดและดูแลลูกเพื่อให้คุณแม่ได้มีเวลาปรับตัวหลังภาวะคลอด เป็นต้น
รวมไปถึงเงินอุดหนุนการคลอดบุตร การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับแม่และเด็ก และบริการดูแลเด็กที่ครอบคลุม
ขณะเดียวกันในทางกฎหมายพยายามแก้ข้อจำกัดอื่นๆ อาทิ ข้อจำกัดการมีลูกได้สูงสุดไม่เกิน 3 คน ไปจนถึงการปรับช่วงอายุที่สามารถแต่งงานได้ในจีน ซึ่งตอนนี้จีนกำหนดให้ผู้ชายต้องอายุ 22 ปี และผู้หญิงต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ถึงจะสามารถแต่งงานได้ ซึ่งเป็นอายุที่กฎหมายกำหนดให้แต่งงานได้สูงที่สุดในโลก เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 18 ปี
ในภาพรวมยังมีอีกหลายมาตรการของรัฐบาลจีนที่ยังไม่เอื้อต่อการมีลูกและการแต่งงานอย่างเต็มที่
จะเห็นว่าตอนนี้จีนพยายามทุกทางที่จะแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำ ซึ่งว่ากันตามจริงก็เป็นปัญหาทั่วโลกในหลายประเทศ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าอัตราการเกิดมีผลต่อแรงงาน และจำนวนแรงงานที่เพียงพอในตลาด ก็มีผลต่อการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายใน
แต่เหรียญอีกด้านก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าที่คนไม่อยากมีลูกหรือแต่งงานในปัจจุบัน มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยทั้งจากมุมมองเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม และค่านิยมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดเหตุผลที่ผู้คนบางกลุ่มเลือกจะใช้ชีวิตโสด หรือไม่ต้องการมีลูกได้อย่างเต็มใจ










