chinese-physiognomy-in-an-age-without-credit-bureaus

ประวัติศาสตร์การเงิน เมื่อธนาคารดูโหงวเฮ้ง ในยุคที่ไม่มีเครดิตบูโร

การเงิน

ห่างหายไปนานกับคอลัมน์ ‘ประวัติศาสตร์การเงิน’ การกลับมาในอีพีนี้ เรามาพร้อมกับ ‘การดูโหงวเฮ้ง’ (อ่านชื่อคอลัมน์ไม่ผิด) ที่ครั้งหนึ่งพนักงานแบงก์ต้องดูโหงวเฮ้งและองค์ประกอบอื่นๆ ของลูกค้าให้เป็นก่อนปล่อยสินเชื่อ

เรื่องนี้ถูกเล่าโดย ‘สุรพล โอภาสเสถียร’ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ในวันที่มาสัมภาษณ์รายการ TOMORROW ของ TODAY Bizview

[ เจ้าหน้าที่กลั่นกรองลูกค้าระดับต้น ]

ย้อนกลับไปประมาณปี พ.ศ. 2531-2532 สมัยนั้นไม่มีบัตรเครดิต คนจะสมัครบัตรเครดิตได้ ยาก และ นานมาก และแน่นอนว่า ไม่มีเครดิตบูโร กล่าวคือ ไม่มีที่ไหนบอกได้ว่า คนๆ หนึ่งมีหนี้อยู่กี่ที่ เป็นหนี้อะไรบ้าง และมีพฤติกรรมจ่ายคืนหนี้อย่างไร

แต่ในยุคนั้น ธนาคารมีตำแหน่งงานที่เรียกว่า ‘เจ้าหน้าที่กลั่นกรองลูกค้าระดับต้น’ ที่ถ้าลูกค้าอยากได้สินเชื่อ ธนาคารจะต้องส่งทีมนี้เข้าไปคุย ซึ่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กลั่นกรองลูกค้าระดับต้น คือ ต้องคุยให้ได้ข้อเท็จจริง ดูว่าลูกค้าเป็นลูกค้าดีจริงหรือไม่ มีพิรุธหรือไม่

นี่คือการ ‘รู้จักตัวตนของลูกค้า’ (Electronic Know-Your-Customer: KYC) ของธนาคารในสมัยก่อน

‘สมัยนั้นเครดิตบูโรอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เราก็จะโทรไปหาเจ้าหน้าที่ๆ นั่นว่า มีคนชื่อนี้ บริษัทนี้มาขอกู้ เครดิตเขาพอได้ไหม เขาดีไหม หรือถ้ารู้จักเพื่อนฝูงในแบงก์อื่นๆ ที่ลูกค้าคนนี้ใช้ ก็จะโทรไปเลียบๆ เคียงๆ ถาม มันคือการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบไม่เป็นทางการ’

[ ดูโหงวเฮ้งลูกหนี้ก่อนปล่อยสินเชื่อ ]

นอกจากการโทรถามแบงก์ชาติและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จะพิจารณาองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย เช่น การดูโหงวเฮ้ง หรือการดูลักษณะตามทฤษฎีลักษณะอาชญากร เป็นต้น

แม้จะเป็นการแปะป้ายคนที่มีลักษณะหน้าตาแบบหนึ่ง แต่นี่คือความจริงในยุคที่ยังไม่เครดิตบูโรอย่างในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา ซึ่งผู้จัดการใหญ่ของเครดิตบูโรไม่แน่ใจว่า ปัจจุบันยังมีการทำกันอยู่หรือไม่ เช่น เวลาไปตรวจโรงงาน เมื่อเจอกองสต็อกสินค้า ต้องปีนขึ้นไปดูตรงกลางว่ากลวงหรือไม่ เป็นต้น

[ ลำดับพี่น้องก็มีผลต่อการปล่อยกู้ ]

นอกจากสิ่งที่เล่ามาข้างต้นแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ ยังต้องสังเกตลำดับพี่น้องของลูกหนี้ด้วยว่า เป็นลูกชายคนโต ลูกชายคนรอง ลูกชายคนกลาง หรือลูกสาวคนเล็ก โดยเฉพาะครอบครัวจีนที่มักจะให้ของดีกับพี่ชายคนโต แต่สิ่งที่ดีน้อยที่สุดจะให้ลูกสาวคนเล็ก เป็นต้น

แต่ก็มีข้อยกเว้น เช่น ธุรกิจโรงแรม หากบริหารงานด้วยลูกชายคนโต กิจการมักจะประสบปัญหา แต่ถ้าบริหารด้วยลูกสาวคนเล็ก กิจการมักจะรุ่งเรือง

เหตุผลเพราะลูกชายคนโตมักจะมีเพื่อนเยอะ เพื่อนมักจะมาสังสรรค์ที่โรงแรม หรือมาใช้บริการฟรี แต่ลูกสาวคนเล็กที่แต่งออกจะรู้ว่าโรงแรมเป็นทรัพย์สินชิ้นเดียวของตัวเอง จึงมักจะดูแลกิจการดีกว่า เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการใช้ทฤษฎี ‘ลูกคนกลาง’ (Wednesday Child) มาประกอบการพิจารณาสินเชื่อในสมัยนั้นด้วย

[ BMW ป้ายแดงก็มีผลต่อการขอเงิน ]

ยุคสมัยที่ไร้เครดิตบูโรยังไม่จบ จีเอ็มของเครดิตบูโรเล่าประสบการณ์อีกว่า นอกจากใบหน้าและพฤติกรรมของลูกค้าแล้ว นิสัยการใช้เงินก็มีผล เช่น นาย ก เพิ่งขอสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่งมา 10 ล้านบาท และกำลังจะนำที่ดินมาขอสินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนอีก 5 ล้านบาท

หากเหลือบไปเห็นรถ BMW ป้ายแดง เจ้าหน้าที่กลั่นกรองลูกค้าระดับต้นต้องคิดแล้วว่า 10 ล้านบาทที่กู้ไป แท้จริงเอาไปออกรถป้ายแดงหรือเปล่า

หรือตอนเข้าตรวจโรงงาน หากลูกค้าบอกว่า ทั้งโรงงานมีพนักงาน 20 คน เจ้าหน้าที่ฯ จะยังไม่เชื่อ แต่จะไปนั่งนับดูที่ตอกบัตรว่าตอกทั้งหมดกี่แผ่น

นอกจากนี้ ยังมีศาสตร์ของการนับก้าว ซึ่งก้าวของแต่ละคนจะยาวประมาณ 90 เซ็นติเมตร เวลาเดินคุยกับลูกค้าในโรงงานก็ต้องนับก้าวไว้ในใจพร้อมกับประเมินด้วยว่า พื้นเป็นวัสดุอะไร โรงงานก่อด้วยอะไร คุยไปคำนวณไปเพื่อเป็นหลักประกัน

[ สังเกตทุกอย่างเพื่อคำนวณเครดิต]

‘หัวหน้าเราเขาจะถามคำถามที่เรานึกไม่ถึง เช่น กรรมการนามสกุลเดียวกันหมด แต่ดันมีสุภาพสตรีคนละนามสกุล เป็นอนุภรรยาไหม หรือเป็นใคร’

สุรพลบอกว่า สิ่งเหล่านี้ต้องดูให้ออก เพราะล้วนมีผลต่อการดูลูกหนี้ว่าตั้งหน้าตั้งใจทำมาหากินหรือไม่ หากใส่เสื้อยืดตัวมอมอยู่โรงงาน อาจจะแปลว่าทำธุรกิจจริง แต่หากเจ้าหน้าที่สินเชื่อมาแล้วชวนไปเลี้ยงข่าว ไปไนท์คลับ ไปเทค ลักษณะนี้จะไม่ใช่แล้ว

ทั้งหมดนี้ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย แต่พอมาทำงานธนาคารแล้วจะมี ‘ตำรา’ ที่รุ่นพี่คอยถ่ายทอดให้ ซึ่งคนที่ทำหน้าที่นี้ต้องครูพักลักจําเอา โดยเครื่องมือที่ดีที่สุด คือการสังเกตและการดูทุกอย่าง

แต่ในสมัยนี้ เรื่องราวแตกต่างออกไป เพราะนอกจากจะมีเครดิตบูโรแล้ว ยังสามารถนำชื่อไปเสิร์ช Google ได้ง่ายๆ และหากได้ Facebook มายิ่งดี

KingployWriterKingploy
Dolce far Niente

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง