ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ ทำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวดิ่งลงเหว ปี 62-63 นักท่องเที่ยวลดลง 33 ล้านคน ไม่เคยสนใจกลุ่ม SME กลุ่มเปราะบาง แนะ เปิดประเทศผ่านมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต สร้างความนิยมไทยกลับมา
วันที่ 1 ก.ย. 2564 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บริหารประเทศล้มเหลวทำภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง ผู้ประกอบการในวงการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรายได้ตกต่ำ
ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 39.8 ล้านคน ทำรายได้กว่า 3 ล้านล้านบาท แต่ในปี 2563 – 2564 นักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ ปี 2564 “การท่องเที่ยวถือเป็นฮีโร่ของไทย วันนี้กลายเป็นสุนัขที่โดนตัดหาง”
เม็ดเงินการท่องเที่ยว เปรียบเทียบปี 2562 – 2563 นักท่องเที่ยวลดลง 33 ล้านคน เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจหายไปกว่า 1.6 ล้านล้านบาท การจ้างงานปี 2563 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกมีการปรับลดพนักงานเหลือ 51% แสดงว่าในระบบแรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีแรงงานอยู่ถึง 4.2 ล้านคน ตอนนี้ถูกออกจากงาน 49% ก็ประมาณ 2 ล้านคน ในปี 2563
รายได้หลักของประเทศมาจากการท่องเที่ยวแต่การบริหารจัดการวัคซีนกลับล้มเหลว ภูมิคุ้มกันประเทศไม่ได้เกิดแต่อยากจะเปิดประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวพังเสียหาย ภาคการโรงแรมได้รับความเสียหาย โรงแรมเปิดให้บริการเพียง 38% ปิดกิจการชั่วคราวไปกว่า 30% อัตราการเข้าพักต่ำ โรงแรมที่ฝืนเปิดอยู่ก็มีสภาพคล่องไม่ถึง 80%

นากยรัฐมนตรี ไม่เคยสนใจกลุ่ม SME กลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่อยู่ยากลำบากกว่า 2.7 ล้านราย สินเชื่อที่ออกมาไม่ได้ช่วยภาคธุรกิจ รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารและธุรกิจกลางคืน ในเมื่อไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ ไปค้ำประกัน ผู้ประกอบการจะดูแลพนักงานอย่างไร ดีเจ นักร้อง บาร์เทนเดอร์ พนักงานเสริฟ์ พ่อครัวแม่ครัว บริกรทั้งหมดได้รับผลกระทบ นายกฯ ไม่เคยเหลียวแลภาคธุรกิจท่องเที่ยว แสดงให้เห็นการเยียวยาภาคการท่องเที่ยวไร้ความเข้าใจ ไร้เมตตา ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
นโยบายการท่องเที่ยว ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ความหวังภาคการท่องเที่ยวเป็นแนวทางความคิดที่ดี แต่เป้าหมายที่วางไว้นักท่องเที่ยวไตรมาส 3 จะมีนักท่องเที่ยว 1 แสนคน สร้างรายได้ 8.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกับสถานการณ์โควิดและเหตุการณ์ฆาตกรรมในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ทำให้เห็นถึงแนวคิดและการวางแผนที่ไม่ครบระบบ ปลายเดือน ก.ค. ยอดติดเชื้อภูเก็ตสูงขึ้นต้องประกาศปิดสถานที่ต่างๆ การฉีดวัคซีนให้ประชาชนภูเก็ต เข็มแรก 76% เข็มสอง ยังไม่ถึง 60% ภูเก็ตมีประชากร 4.1 แสนคน จึงต้องฉีดวัคซีนให้ครบ 3.5 แสนคน ต้องลุ้นว่าจะทำได้อย่างไร เพราะภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือความหวังเดียวของภาคท่องเที่ยว
นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเสนอทางออก เปิดประเทศผ่านมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต เพื่อไทยเสนอต้นเดือน ก.พ. แต่รัฐบาลพิจารณาปลาย มี.ค. โครงการจ้างงานโดยเฉพาะโรงแรมปล่อยเงินกู้ 0% และต้องมีการฟื้นฟูสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ภายใต้มาตรการ 1 อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ หากรัฐดำเนินมาตรการตามที่เพื่อไทยเสนอไว้ผลลัพธ์จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ผ่านการคัดกรองโรคติดต่อ รายได้จะสูงขึ้น 7 เท่าจากที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ขณะนี้ และขอเสนอทางออกของประเทศในภาคการท่องเที่ยว เพิ่มภูมิคุ้มกันการท่องเที่ยวไทย อย่างแรกการปลดล็อกในลิสต์ที่ห้ามเดินทางของ CDC ซึ่งต้องมีจำนวนผู้ติดเชื้อให้ได้น้อยกว่า 0.5% ของประชากรภายในระยะเวลา 28 วัน หากลดลงมาในระดับ 3 ได้การท่องเที่ยวก็อาจจะกลับมาได้ ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อปลดล็อกการท่องเที่ยว เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำ Travel Bubble
ดึงศักยภาพของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านออกมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ และพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพใช้เวลานานในการพักฟื้นให้ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยควรจะกลับมามีพื้นที่บนเวทีโลกโดยใช้นโยบาย T-Pop to World pop นโยบายส่งเสริมวงการอุสาหกรรมสื่อบันเทิง ภาพยนตร์ เพลงของประเทศไทย ส่งผลดีเชิงสัญลักษณ์การอุดหนุนสินค้า ความนิยมเป็นไทยจะกลับมา

ก่อนปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจักรพล กล่าวว่า ขอใช้สทธิผู้แทนราษฎรฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ ตามมาตรา 47 มาตรา 55 มาตรา 157 ละเว้นการปฏบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อีกต่อ และเพื่อน ส.ส.พรรคเพื่อไทยชูป้ายหน้า พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีข้อความระบุว่า “หยุดยุทธ์”










