‘พิธา’ ตอบปมกระแสข่าวเพื่อไทยยอมถอยประธานสภาฯ แต่มีเงื่อนไขใหม่ ระบุสถานการณ์แบบนี้ต้องฟังแต่ยังไม่เชื่อ ย้ำยังอยู่ระหว่างการเจรจา

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ หมออ๋อง ส.ส.เขต 1 จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นแคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนใน จ.พิษณุโลก โดยหลังจากเข้ากราบสักการะพระ ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) แล้ว
นายพิธา ให้สัมภาษณ์โดยสรุปว่า การลงพื้นที่พิษณุโลกของตนในวันนี้ ไม่เกี่ยวกับการเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ ของนายปดิพัทธ์ เพราะทางพรรคก้าวไกล ได้ยืนยันไปแล้วเมื่อ 2 วันก่อน และว่า จ.พิษณุโลกเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่พรรคก้าวไกลหวังเอาไว้ โดยเฉพาะเขต 1 และก็ได้เขต 5 มาอีก รวมทั้งคะแนนบัญชีรายชื่อที่เพิ่มขึ้นด้วย แน่นอนมาว่าฉลองให้ และมาพูดคุยกับชาวพิษณุโลกว่า แม้จะไม่ได้เขตไหนก็ยังจะทำงานเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งแผ่นดินไหวที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็ต้องคอยจับตาดูต่อไป เพราะในอนาคตเรื่องภัยพิบัติสิ่งแวดล้อม จะมีผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรัฐบาลชุดต่อไปก็น่าจะเตรียมงบประมาณ การบริหารจัดการ การกระจายอำนาจ
ส่วนความชัดเจนในการเจรจาตำแหน่งประธานสภาฯ กับพรรคเพื่อไทย หลังเกิดกระแสข่าวยอมถอยแต่ตั้งเงื่อนไขใหม่ ถ้าไม่ผ่านด่าน ส.ว. ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลนั้น นายพิธา ตอบว่า ความชัดเจนดีขึ้นเรื่อยๆ และยังเจรจาอยู่ เพราะฉะนั้นต้องรอวันที่ประชุมและประกาศเป็นทางการอีกครั้ง แต่เท่าที่เช้านี้ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลก็ได้แถลงตามที่ประชุมกันในพรรค รวมทั้งเห็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพราะฉะนั้นถ้าอ่านจากทั้ง 3 คน ก็พูดตรงกันว่า การเจรจากำลังเป็นไปด้วยดีและต้องรอผลการเจรจา ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ตอนที่ไปดูการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงตนไม่ได้ดูโทรศัพท์มือถือเลย พอออก 3 ทุ่มก็มีข่าวออกมา
“ผมคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ พวกเราต้องฟัง แต่ยังไม่เชื่อ พอเห็นข่าวที่ออกมาผมก็เช็ก 3 สื่อแหล่ง… ทุกคนเขียนว่าจากแหล่งข่าว แหล่งข่าวคือใคร เพราะฉะนั้นพอเห็นปุ๊บ ผมเห็นด้วยกับทางเลขาฯ แล้วก็คุยกับเลขาฯ อย่างที่เลขาฯ ให้สัมภาษณ์ไปก็ไม่เชื่อว่าเพื่อไทยจะมีเงื่อนไขอะไรออกมาอย่างนั้น และเป็นไปตามอย่างที่คุณเศรษฐา และคุณชลน่านพูดว่า ก็มีอยู่ฉากทัศน์เดียวคือการที่เราจะไปต่อด้วยกัน ผมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีตามเจตจำนงของพี่น้องประชาชน”
เมื่อถามว่า มีอีกฝั่งที่มั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธา ตอบว่า ยังไม่เห็นข่าว แต่สมมุติถ้าเป็นเรื่องจริง จะเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับตอนดีเบต ที่ทุกๆ คนบอกว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ทั้งฝืนมติมหาประชาชนด้วย ทั้งบริหารจัดการไม่ได้ด้วย ก็อาจจะมีบอกว่ายืนเวลารอให้เสาวภาแตกหรือว่างูเห่า แต่ตนคิดว่า ประชาชนคงยอมไม่ได้ จากภาพที่ลงพื้นที่มาโดยตลอด ทุกคนต้องการก้าวไปข้างหน้า อยากที่จะอยู่ข้างอนาคต
เมื่อถามว่า ปมที่ยังเป็นประเด็นนี้จะจบในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค. 66 ) ก่อนวันประชุมกับ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า “ผมคิดว่าจบได้ด้วยดี ในเวลาที่ต้องจบ” เพื่อจะให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อได้ หลังจากผ่านด่าน กกต. รับรองแล้ว มีรัฐพิธีวันที่ 3 ก.ค. เปิดประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ วันที่ 4 ก.ค. แล้วก็คงจะ 14-15 ก.ค.เลือกนายกรัฐมนตรีคงจะค่อยเป็นค่อยไป
นายพิธา ยังกล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ไม่ใช่การปลุกมวลชน แต่ต้องการใช้เวลาก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่ง พบปะประชาชน รับฟังปัญหา เห็นปัญหาจริง ส่วนเสียงของ ส.ว. นายพิธา บอกว่า “ก็มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ”










