ก้าวไกล เชื่อมั่น นับถอยหลัง 9 เดือน ‘สมรสเท่าเทียม’ ผ่านได้แน่

ในกิจกรรม กรุงเทพฯ กลางแปลง ที่ฉายหนังเรื่อง รักแห่งสยาม เมื่อค่ำวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา บริเวณลานกิจกรรมสยามสแควร์ พรรคก้าวไกล นำโดย ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมดูหนังกลางแปลงและรณรงค์ความคืบหน้ากฎหมายสมรสเท่าเทียม
ธัญวัจน์ กล่าวว่า ที่เรามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ด้านหนึ่งเพื่อรณรงค์ความคืบหน้ากฎหมายสมรสเท่าเทียมที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการไปแล้วและกำลังพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งบรรยากาศในกรรมาธิการ หรือแม้แต่กับ ส.ว. เอง ต่างให้การตอบรับที่ดีกับร่างกฏหมายฉบับนี้ และเราเชื่อว่า ถ้าบรรยากาศการทำงานยังเป็นแบบนี้ต่อไป คนไทยจะได้ทั้งกฎหมายสมรสเท่าเทียม และพ.ร.บ. คู่ชีวิต ผ่านสภาไปด้วยกัน
“ภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยาม ถือว่าเป็นหนังที่มาก่อนกาล ในช่วงเวลาที่หนังฉายภาพ ความปราถนาดีและความรู้สึกดีๆ ระหว่างคนสองคนที่เป็นเพศสภาพเดียวกันยังไม่มีคำอธิบายและ ได้รับการยอมรับจากสังคม ทำให้ความรู้สึกดีๆ ของคนทั้ง 2 คนต้องจบลง แต่ในวันนี้ ที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าใกล้ความเป็นจริง มันคือการทำให้คู่รัก LGBTQ+ มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่เติบโตและสร้างชีวิตที่ดีขึ้นร่วมกันในความเป็นครอบครัวเดียวกัน” ธัญวัจน์ กล่าว

ความเห็นนี้สอดคล้องกับ พริษฐ์ ที่บอกว่า หลังผ่านมา 16 ปีที่ภาพยนตร์รักแห่งสยามออกฉายเป็นครั้งแรก ความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่าถึงสังคมจะตื่นตัวมากแค่ไหน แต่ถ้ากฎหมายไม่ปรับตามความก้าวหน้าของสังคม แล้วก็ไม่อาจพูดได้ว่า คนทุกคนมีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง กฎหมายสมรสเท่าเทียมเป็นกฎหมายที่เรียบง่าย แต่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องหมายว่าคู่รักทุกคู่มีสิทธิ์ที่จะรักและสร้างสถาบันครอบครัวร่วมกันได้ แต่จะนำไปสู่สิทธิและสวัสดิการอื่นๆที่จะมีร่วมกันเช่น การรับบุตรบุญธรรม การรับสวัสดิการ การจัดการทรัพย์สิน การเซ็นให้กันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ
“บทสรุปของหนังที่เราอยากเห็นคือโต้งและมิว สามารถรักกันและใช้ชีวิตคู่กันได้ในประเทศนี้เหมือนคู่รักชาย-หญิง ซึ่งต้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกฏหมายและค่านิยมสังคม” พริษฐ์กล่าว
ด้าน ณธีภัสร์ ได้พูดถึงความคืบหน้าของการพิจารณากฎหมายสมรสเท่าเทียมโดย คาดว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะจบชั้นกรรมาธิการในเดือนตุลาคม และจะเข้าสภาผู้แทนราษฎรวาระวาระ 2-3 เพื่อผ่านกฎหมายในเดือนพฤศจิกายน หลังเปิดสมัยประชุมหน้า และคาดว่า จะเข้าพิจารณาในวุฒิสภาในต้นปีหน้า ถ้ากฎหมายนี้ผ่านทุกด่านคนไทยจะได้สมรสเท่าเทียมไม่เกินเมษายนปีหน้าแน่นอน
ภาพจาก : พรรคก้าวไกล










