
วันที่ 25 ก.พ. เวลา 16.20 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า มีพฤติกรรม ทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์เอกชน จนเป็นผลความเสียหายและงดเว้นการใช้อำนาจ หลับตาข้างหนึ่งต่อการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างรัฐกับเอกชน

โดยอภิปรายถึงการออก พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ที่มีการเปิดช่องเอื้อเอกชน เร่งรีบผ่านกฎหมายและมีผล 11 มี.ค.62 ก่อนการที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) จะเปิดประมูลดิวตี้ฟรี เพียง 8 วัน คือ 19 มี.ค.

ต่อมา 29 มี.ค. คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ บอร์ด PPP ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก็ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษา เรื่องกิจการเกี่ยวเนื่องที่จะเข้าข่ายอยู่ใน พ.ร.บ.ร่วมทุน
.
แม้นายกรัฐมนตรีจะมีข้อกังวลให้ทบทวนการเปิดซองครั้งแรก (เพราะการรวบ 4 สนามบินให้รายเดียวจนมีข้อวิจารณ์) แต่ภายหลังก็มีการเปิดขายซองรอบใหม่ 1-18 เม.ย. และในวันสุดท้ายของการเปิดขายซองรอบ 2 บอร์ด PPP มีมติว่าดิวตี้ฟรี ไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ทำให้ไม่ต้องผ่านการอนุมัติและขั้นตอนที่ซับซ้อน ซึ่ง ศิริกัญญา เชื่ิอว่า ทอท.รู้ผลการพิจารณาก่อนที่เรื่องนี้จะเข้า ครม.ด้วย
.
การไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ทำให้ ทอท.มีสิทธิ์ในการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ผูกขาดเอื้อให้กับเจ้าของสัมปทานเดิมได้ ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขการประมูลโดยควบรวมไม่ได้แยกรายสินค้า เท่ากับมัดรวมกันให้ผู้ได้รับสิทธิสัมปทานเพียงรายเดียว และ ทอท. กำหนดเกณฑ์พิจารณาแบ่งข้อเสนอเทคนิค 80% ส่วนข้อเสนอราคา กำหนดเพียง 20% ซึ่งข้อเสนอทางเทคนิคผู้เคยได้รับสัมปทานก่อนหน้าย่อมมีข้อมูลมากกว่ารายใหม่ และผลการพิจารณาก็ได้กลุ่มทุนใหญ่รายเดิม

การผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรี จนไม่เกิดการแข่งขันส่งผลต่อส่วนแบ่งรายได้เข้ารัฐ หากเทียบกับเกาหลีใต้ ไทยมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 3 เท่า แต่มีรายได้ดิวตี้ฟรีน้อยกว่า 3 เท่า กรณีเกาหลีใต้ มีการแยกสัมปทานสินค้ารายประเภท 12 สัมปทาน ได้รายได้สูงถึง 40% ของยอดขาย ขณะที่ไทยให้สัมปทานเจ้าเดียว บริษัทที่ชนะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ 20% และให้รายได้ขั้นต่ำตลอด 10 ปี แสนกว่าล้าน ตกปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท แม้จะดีแต่เราทำได้ดีกว่านี้หรือไม่

นอกจากนี้ มาตรการบรรเทาผลกระทบ โควิด-19 ที่บอร์ด ทอท.อนุมัติ ปรับลดผลตอบแทนผู้เช่า-ผู้รับสัมปทาน ซึ่งผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ด้วย ทอท.ประเมินว่ารายได้จะลดลงเพียง 3,249 ล้านบาท แต่มีการคำนวณว่าอาจจะหายไปถึง 30,000 ล้านบาท

ส่วนกรณีการประกาศผู้ให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick-up Counter) ซึ่งเป็นส่วนที่จะมีการรับสินค้าที่ได้ซื้อไปแล้วหากไปซื้อในร้านปลอดภาษีในเมือง ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยวินิจฉัยคำร้องจากกรณีสมาคมร้านค้าปลอดอากรไทยว่า ให้มีจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรสาธารณะ ซึ่งใช้เวลา 3 ปีถัดมาจึงมีมติ ครม.เรื่องนี้ และ ทอท.ควรจะให้บริการเคาน์เตอร์นี้เอง แต่กลับอนุมัติให้เอกชนให้บริการ ซึ่งการดำเนินการแบบนี้เอื้อผู้ประกอบการเฉพาะราย ทำให้รู้ความลับทางการค้าของคู่แข่งรายอื่น และเอื้อการปกปิดยอดขายแท้จริงของเอกชนที่ได้สิทธิ์หรือไม่
.
น.ส.ศิริกัญญา ยังอภิปรายถึง กรณีเก่าที่ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีเลี่ยงการนำส่งส่วนแบ่งรายได้ทำให้รัฐเสียประโยชน์ ซึ่งภายหลัง คณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้านการป้องกันและปรามปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีการสรุปเรื่องนี้ร่วมกับอีก 3 เรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อ ทั้งที่ข้อมูลอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีแล้ว
.
ก่อนจะสรุปว่า นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจทุจริตเชิงนโยบายเอื้อกลุ่มทุนเร่งผลักดัน พ.ร.บ.ร่วมทุน แก้ประกาศบอร์ด PPP รองรับการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีรอบใหม่ และละเว้นการเรียกคืนเงินส่วนแบ่งรายได้และดำเนินการกับการทำสัญญาที่ไม่ชอบ และฝ่าฝืนสัญญาสัมปทาน









