ลอรีอัล บริษัทเครื่องสำอางและความงามระดับโลกของฝรั่งเศส หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมความงามของโลก มีข่าวเตรียมปลดพนักงานล็อตใหญ่ในจีน ด้วยเหตุยอดขายดิวตี้ฟรีตกต่ำต่อเนื่อง
โดยสื่อธุรกิจและการเงิน Caixinglobal ของจีน รายงานว่า ลอรีอัลเตรียมปลดพนักงานในสายงาน Travel Retail (ร้านค้าปลอดภาษี) ในประเทศจีน มากถึงครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมดในฝ่ายนี้
แม้ทางบริษัทจะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีข้อมูลว่า พนักงานที่ถูกปลดบางรายจะได้รับเงินชดเชยในรูปแบบ “n+5” คือ เงินชดเชยตามจำนวนปีที่ทำงาน + อีก 5 เดือนของเงินเดือนปัจจุบัน
[ ดิวตี้ฟรีร่วงหนัก ฉุดรายได้ทั้งภูมิภาค ]
แหล่งข่าวระบุว่า การปลดพนักงานครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันต่อธุรกิจ Travel Retail ของลอรีอัลซึ่งเน้นการขายสินค้าในร้านปลอดภาษีทั้งในเมืองและสนามบิน โดยเฉพาะในเกาะไห่หนานที่เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์การขาย
ถ้าไปดูยอดขายของลอรีอัลจากสนามบินเพียงอย่างเดียวเคยมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายได้จากแผนก Travel Retail ทั่วโลก แต่ปัจจุบันลอรีอัลแทบไม่ได้เปิดเผยตัวเลขด้านนี้ตั้งแต่ปี 2019 โดย Travel Retail เคยมีสัดส่วนราว 9% ของรายได้ทั่วโลกของบริษัท แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นจุดอ่อนโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่เคยเป็นตลาดเติบโตสูง
[ ยอดขายเอเชียติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี ]
ปี 2024 ยอดขายรวมของลอรีอัลในเอเชีย ลดลง 3.2% ซึ่งถือเป็นภูมิภาคเดียวที่รายได้ลดลง Christophe Babule ซีเอฟโอของบริษัท ระบุว่า สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ชะลอตัวในจีน โดยเฉพาะในหมวด Travel Retail
เมื่อไปดูรายได้จากดิวตี้ฟรีในเอเชีย ต้นปี 2024 ลดลง 3% ตลอดทั้งปีลดลง ถึง 10% สัดส่วนของตลาดไห่หนานที่เคยสำคัญ ตอนนี้ลดลงเหลือไม่ถึง 1% ของรายได้กลุ่มทั้งหมด หลังจากเคยรุ่งเรืองเพราะนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศช่วงโควิด แต่ตอนนี้ตลาดในไห่หนานกลับชะลอตัวในปี 2024 โดยยอดขายดิวตี้ฟรี ลดลง 29.3% จากปีก่อน จำนวนนักช้อปลดลง 15.9% ปริมาณสินค้าที่ซื้อลดลงถึง 35.5%
ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายตกมาจากผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง ค่าเงินหยวนอ่อนค่า ทำให้คนเลือกไปช้อปต่างประเทศแทน
[ ยังไม่ถอยจากจีน แม้ยอดขายตก ]
แม้ลอรีอัลจะเผชิญกับยอดขายที่ลดลง โดยเฉพาะจากดิวตี้ฟรีในจีน รวมทั้งการเตรียมปลดพนักงานในสาย Travel Retail มากถึงครึ่งหนึ่ง แต่ลอรีอัลยังเดินหน้าลงทุนในจีน โดย Vincent Boinay ประธานลอรีอัลภูมิภาคเอเชียเหนือ และซีอีโอประจำประเทศจีน กล่าวว่า การลงทุนในจีน คือการลงทุนในอนาคต และเห็นว่าบริษัทต้องปรับตัวให้เร็วเพื่อให้ทันกับ อนาคตของตลาดจีน
โดยบริษัทประกาศตั้ง 2 กองทุนลงทุนใหม่ในจีน ร่วมกับ Cathay Capital และรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ลงทุนในแบรนด์ความงามที่อยู่ในระยะเติบโตและอีกกองทุนคือการลงทุนร่วมกับ Tiantu Capital สนับสนุนธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงกลางเน้นนวัตกรรมและความยั่งยืน










