สรุป ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ แถลงจัดตั้งรัฐบาลขั้วใหม่ 212 เสียงตั้งต้น

สรุป ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ แถลงจัดตั้งรัฐบาลขั้วใหม่ 212 เสียงตั้งต้น

คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย

พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว

รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศและประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่

พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้

1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ

2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.

3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง

4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้

5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน

หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้

สรุปเหตุผลจากฟากของ ‘ภูมิใจไทย’ พรรคอันดับ 3 จากการเลือกตั้ง 66 ที่เข้ามาร่วมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย อย่างเป็นทางการเป็นพรรคแรก โดยสรุป นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคภูมิใจไทยได้ตอบรับคำเชิญจากพรรคเพื่อไทยในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพราะว่า สืบเนื่องมาจากการหารือเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ขัดข้องที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกัพรรคเพื่อไทย บนหลักการ 3 ประกาศ คือ

1. ไม่แตะต้อง ม.112

2. ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

3. ต้องไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

“วันนี้ได้รับทราบจากพรรคเพื่อไทยว่า แนวทาง 3 ประกาศของพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยก็เห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนประเทศ ได้เดินหน้าต่อไป โดยมีอุปสรรคน้อยที่สุด พรรคภูมิใจไทยก็ได้ให้คำยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า ณ ขณะนี้ ถ้ายังไม่ได้เชิญพรรคอื่นมาหารือ ก็ขอให้ถือว่า ณ ขณะนี้ พรรคเพื่อไทย สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยถือว่าให้มี 212 เสียงเลย คือ 141 ของพรรคเพื่อไทย กับ 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทย เพื่อที่ว่าเมื่อมีการเชิญพรรคอื่นๆ ตามดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย การพูดคุยหารือก็จะได้มีความมั่นใจกับพรรคอื่นๆ ด้วย ให้พรรคอื่นๆ มั่นใจว่า ในขั้วนี้เราสามารถจัดตั้งรัฐบาล” นายอนุทิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งเราว่ามั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาล มี สส. เกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน ดังนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เมื่อได้สัญญาณชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยเราจะร่วมกันหาเสียงสนับสนุน ทั้งจาก สส. และ สว. ให้เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา (374 เสียง) ส่วนเรื่องการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยใช้แคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา

“ไล่หนูตีงูเห่า” มันเป็นภาพของการรณรงค์ ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง กิจกรรมแต่ละครั้งจัดบนวัตถุประสงค์ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ มิติทางการเมือง เราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศว่า เราเป็นศัตรูกับใครนะครับ เราเป็นคู่แข่งกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียงต่างฝ่ายต่างมี อันนี้เรียนด้วยความเคารพว่าเราไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกัน โดยเฉพาะเพื่อไทย ไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกับใคร แต่ทุกพรรคเป็นคู่แข่งทางการเมืองกัน หลังจากที่ยุติจากการมอบอำนาจในวันเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนตัดสินใจแล้ว พี่น้องมอบอำนาจให้ใคร หลังจากนั้นเราก็มาทำหน้าที่ตามที่รับมอบอำนาจมา ถ้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นรัฐบาลของประชาชนได้ ก็ร่วมกันทำ ถ้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ไปเป็นฝ่ายตรวจสอบหรือฝ่ายค้าน มิติทางการเมืองเป็นอย่างนี้นะครับ” นพ.ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

“ไล่หนูตีงูเห่า” ปรากฏในโปสเตอร์ การปราศรัยหาเสียง ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ของพรรคเพื่อไทย เมื่อ 18 มิ.ย. 66

ในการเลือกตั้ง 62 ศรีสะเกษ มี สส. 8 คน เพื่อไทยได้ 6 คน ภูมิใจไทยได้ 2 คน ซึ่งเลือกตั้ง 66 อดีต สส.ของเพื่อไทย ย้ายมาอยู่ภูมิใจไทย ถึง 3 คน แถมแบรนด์ตัวเองแข็งแกร่ง เพื่อไทยถึงขนาดเปิดแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า”

เลือกตั้ง 66 ‘อ.ประจักษ์’ วิเคราะห์เปิด 7 จังหวัด ชี้ชะตาพลิกขั้วการเมืองไทย

[ประมวลภาพบรรยากาศการแถลงจัดตั้งรัฐบาล ‘ขั้วใหม่] 

หลังการแถลงจัดตั้งรัฐบาล ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ มีมวลชนกลุ่มหนึ่งเดินทางโปรยใบปลิว และแสดงความไม่พอใจ ขณะที่ ‘บุ้ง เนติพร’ จากทะลุวัง พร้อมแนวร่วมที่ใส่ชุด PPE เกิดเผชิญหน้าและวิวาทะกับ ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จากพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังนั่งรถยนต์เดินทางออกจากพรรคเพื่อไทย

ภาพจาก Thai News Pix

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง