รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยอมรับ โควิด-19 ระลอกนี้ กระทบ GDP ไทยและทั่วโลก ขอคนไทยรักชาติ ช่วยกันนำเงินฝากออกมาใช้ จะสามารถดัน GDP โตถึง 4% ได้ตามเป้า
วันที่ 26 เม.ย. 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วม ฝ่ายเศรษฐกิจและความมั่นคง ว่า ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องมาตรการเยียวยาเกี่ยวกับผลกระทบสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่รัฐบาลได้เตรียมมาตรการต่างๆ ไว้แล้ว โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่า จะออกมาในเดือน มิ.ย. 2564 ขณะเดียวกันรัฐบาล ต้องเร่งการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละกระทรวง โดยรัฐบาลจะต้องเร่งการใช้จ่ายในทุกกระทรวงและเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.เงินกู้ แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการกู้เงินเพิ่มเพราะยังเป็นกรอบเงินเดิม โดยมาตรการที่จะออกมาใช้เงินจำนวนไม่มาก พร้อมย้ำว่า วันนี้สิ่งสำคัญต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าประเทศไทย สามารถควบการกระบาดโรคโควิด-19 ได้ และขอให้ทุกคนมั่นใจว่า จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
ส่วนมาตรการที่จะนำมาใช้ไม่ได้ใช้งบประมาณมาก แต่เน้นสร้างแรงจูงใจให้ผู้ที่มีเงินฝากจำนวนมาก นำเงินออกมาใช้จ่ายเพื่อช่วยชาติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นมาตรการในลักษณะคนละครึ่ง แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่า ประเทศไทยสามารถควบคุม ดูแลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในระดับที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายลงได้
ซึ่งผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่นี้ ที่มีต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยนั้น มองว่า เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก เพราะการระบาดในรอบนี้ยอมรับว่า น่าเป็นห่วง แต่หากคนไทยทุกคนช่วยกัน ยังมีโอกาสที่ตัวเลข GDP จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 4% เพราะพบว่า ตัวเลขในบัญชีเงินฝากของคนไทย เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5-6 แสนล้านบาท หากนำออกมาใช้จ่ายช่วยกันบริโภคเพียงแค่ 1 ใน 3 หรือ ครึ่งหนึ่งของยอดเงินดังกล่าว ก็จะมีส่วนช่วยผลักดัน GDP ได้มากถึง 1% จากที่มีหลายสถาบันการประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะเติบโตได้ราว 2.7% หากได้คนไทย คนรักประเทศ รักชาติ มาช่วยกันใช้จ่าย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือคนที่ด้อยโอกาสกว่า ทุกอย่างก็จะกลับมาได้
