
จากกรณีที่มีรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้รายงานที่ประชุม กรณีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตาม มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ โดยระบุทางออก 4 ข้อ ประกอบด้วย
1.จ่ายเงินให้กับบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) แล้วให้เลิกกิจการไป 2.ดำเนินการตามข้อเสนอของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะช่วยให้อาจไม่ต้องจ่ายเงิน 3.รอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการ แล้วปฏิบัติตาม 4.หาช่องจ่ายเงินค่าปรับบางส่วน โดยให้ชดเชยค่าเสียหาย แล้วให้ดำเนินกิจการต่อ

วันที่ 30 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ขอไม่ตอบเพื่อประโยชน์ของรูปคดี บอกได้ว่ายังไม่มีอะไรมากไปกว่า ครม.ได้รับทราบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม แต่จะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาตามความเหมาะสม แล้วกลับมารายงาน ครม.อีกครั้ง ครม.ไม่ได้เลือกทางเลือกใดทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ครม.ได้มีข้อเสนอแนะกระทรวงอุตสาหกรรมหรือไม่ว่าควรจะดำเนินการอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า มีการอภิปรายกันในที่ประชุม ครม. แต่ไม่มีเป็นข้อเสนอหรือมีมติ เพราะถือว่าพูดแล้วและทุกคนได้ยิน ส่วนจะทำอย่างไรเป็นอำนาจของกระทรวงอุตสาหกรรม
ถามต่อถึง 4 ทางออกที่เสนอในทางกฎหมายทำได้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอไม่ตอบ
ส่วนคำถามว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการหรือจะเข้าสู่กระบวนการเจรจา นายวิษณุ กล่าวว่า มติ ครม.มีมานานแล้วว่าให้เข้าสู่กระบวนการเจรจา ส่วนที่ประชุมเมื่อวานนี้เป็นเพียงการรับทราบสถาการณ์ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงาน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวกลางที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารว่า ขอเวลาคิดก่อนว่าจะใช้แนวทางใด ซึ่งเวลานี้ยังไม่ขอตัดสินใจ แต่ขอรับผิดชอบด้วยตัวเอง เพราะเป็นผู้ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย เรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดใช้ความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งปิดเหมืองทอง โดยใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดถึงผลกระทบ ตามที่ระบุในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 72/2559









