วันที่ 3 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตอบคำถามหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีเรื่องสำคัญจะเรียนให้ทราบคือ โครงการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลเตรียมช่วยเหลือ ชาวไร่อ้อยด้วยการสนับสนุนปัจจัยการผลิต ให้สินเชื่อประมง ประกันรายได้ข้าวโพด และอีกหลายอย่าง แต่ต้องรอดูเรื่องงบประมาณที่มีอยู่ เพราะตอนนี้ต้องใช้งบประมาณเดิมไปก่อนซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดและเหลือน้อยมาก รวมทั้งมีเรื่องข้อกฎหมาย
.
งบที่จะนำมาใช้จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณา พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณ ปี 2563 ในวาระที่ และ 3 ถ้ายิ่งช้าก็ยิ่งยาวไปเรื่อย และจะมีปัญหากับเกษตรกรและประชาชนทุกหมู่เหล่า รวมทั้งการทำงานของกระทรวง คาดว่างบประมาณจะใช้ได้เร็วที่สุดคือ ม.ค. หรือต้นเดือน ก.พ. ถ้ายืดเยื้อไปอีกก็จะหนักไปอีก ภาระจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเห็นชอบในหลักการช่วยเหลือเกษตรกรไว้แล้ว แต่ต้องใช้เงินผ่านธนาคารรัฐ จึงต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และรองบประมาณ ปี 2563 มีผลใช้บังคับด้วย เมื่อเราพร้อม จะทยอยให้ความเช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่ทำไว้แล้ว
.
“ผมไม่เคยทอดทิ้งไม่เคยนิ่งนอนใจ ตราบใดที่กฎหมายเรื่องต่างๆ ทำได้ ผมทำให้หมดนะครับ ผมไม่ได้คำนึงถึงพรรคใด แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องดูแลคนทุกภาคส่วนอยู่แล้วนะครับ”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญโดยนำหลายภาคส่วนมาช่วยกันหารือ ถ้าเราร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชนไปได้หมด ภาครัฐ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและช่วยแก้ปัญหาอุปสรรค ภาคเอกชนก็ต้องร่วมสนับสนุนด้วยการลงทุน การใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศ เพราะถ้าใช้เงินตราต่างประเทศมากขึ้น ช่วยบรรเทาภาระเงินบาทแข็งตัวด้วย
.
งานของรัฐบาลหลายอย่างมีความคืบหน้า ถ้าเราฟังสิ่งที่คืบหน้า สิ่งที่ดีๆ เราก็จะเห็นเอง แต่ถ้าเราสนใจแต่เรื่องที่อยู่ในกระบวนการ ขั้นตอนการตรวจสอบ องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม มันก็ยุ่งไปหมดเพราะยังไม่จบสิ้น เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วก็ไปตามตรงนั้นต่อไป ไม่ใช่มาย้ำทุกวันถึงสิ่งที่มันมีปัญหา สิ่งไม่มีปัญหา สิ่งดีๆ เกิดขึ้นเยอะแยะ เช่น ประเทศไทยเรามีราคาค่ายาถูกที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น
