กรมโรงานฯ สั่งปิดโรงงานหมิงตี้และให้ย้ายออกจากชุมชนกิ่งแก้วเป็นการถาวร และหากจะดำเนินกิจการต่อต้องอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น
วันที่ 8 ก.ค. 2564 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้หารือแนวทางเยียวยาผลกระทบเหตุไฟไหม้ที่เกิดในโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด โรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และบริษัท ฟลอรอลแมนูแฟคเจอริ่งกรุ๊ป จำกัด ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพฯ มีข้อสรุป ดังนี้
- โรงงานหมิงตี้ ไม่ให้กลับมาตั้งโรงงานในพื้นที่เดิมอีก เนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชนเกินไป แต่หากจะกลับมาตั้งโรงงานและดำเนินกิจการต่ออีกครั้ง จะต้องย้ายเข้าไปตั้งในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้สั่งปิดโรงงานหมิงตี้ และสั่งว่าหากจะกลับมาดำเนินกิจการอีกและต้องผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย มีแผนผังบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้ชัดเจน และหากได้รับอนุญาต ต้องเข้าไปตั้งกิจการในนิคมอุตสาหกรรมตามเงื่อนไข ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
นอกจากนี้ กรอ.ไปตรวจสอบโรงงานหมิงตี้ พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนโดยรอบช่วง 3 วันที่ผ่านมา พื้นที่โดยรอบในระยะ 0 – 8 กิโลเมตร จำนวน 14 จุด มีค่าสารสไตรีนที่เกิดจากการเผาไหม้ 0.42 – 0.83 ppm (ส่วนในล้านส่วน) ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่กรมควบคุมมลพิษ กำหนด ไว้ที่ 20 ppm
ส่วนคุณภาพน้ำ พบการปนเปื้อนของสารสไตรีน ที่เกิดจากการดับเพลิงไหลลงสู่แหล่งน้ำบริเวณรอบโรงงาน ซึ่งสามารถสลายตัวได้เองภายใน 30-45 วัน โดยจะติดตามและตรวจสอบคุณภาพน้ำต่อไปอีก 60 วัน และขอให้ประชาชนงดใช้น้ำคลองเพื่อการอุปโภคบริโภคในช่วงเวลานี้เป็นการชั่วคราว
สำหรับการกำจัดสารสไตรีนโมโนเมอร์ที่ยังเหลืออยู่อีก 1,000 ตัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะเข้ามาช่วยในการเติมสารดีฮาร์ (DEHA) เพื่อลดปฏิกิริยาทางเคมีและสามารถขนย้ายออกจากพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้และนำไปกำจัดอย่างถูกต้องทางวิชาการ
ส่วนแนวทางเยียวยาประชาชน ได้มอบให้โรงงานหมิงตี้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.โงงานอุตสาหกรรม ตามมาตรา 39 วรรค 1 ซึ่งจะมีการตั้งจุดรับข้อร้องทุกข์ 3 แห่ง ได้แก่
- หน้าโรงงานหมิงตี้
- สถานีตำรวจบางแก้ว
- สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ
แจ้งขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนติดต่อได้ตามจุดที่เปิดบริการ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม จะร่วมเป็นหน่วยงานกลางในการประสานเพื่อเยียวยารวมถึงได้ทำหนังสือแจ้งให้โรงงานปฏิบัติตามแผนบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานเคมีภัณฑ์ 446 โรงงานโดยให้ประสานกับสำนักอุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจสอบโรงงานที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเร่งด่วน
ด้าน นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กรณีไฟไหม้โกดังเก็บสินค้าของ บริษัท ฟลอรอลแมนูแฟคเจอริ่งกรุ๊ป ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังโซน 3 เขตลาดกระบัง ได้ระงับประกอบกิจการชั่วคราวไว้แล้ว คาดว่าเกิดความเสียหาย 31 ล้านบาท โดยกองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล
ส่วนที่มีข่าวว่าพบน้ำเสียสีชมพูอยู่บริเวณรางน้ำฝนโดยรอบบริเวณโรงงาน ขอยืนยันว่า น้ำดังกล่าวเกิดจากการดับเพลิงและยังอยู่ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรม ไม่ได้ระบายออกไปภายนอก และเป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่ต้องเร่งบำบัดให้ได้ภายในวันที่ 9 ก.ค. นี้










