“กราบเรียนประธานสภาฯ ที่เคารพ ผมจูรี นุ่มแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร…” ประโยคนี้ยังไม่มีโอกาสก้อง ในห้องประชุมสุริยัน รัฐสภา แต่ดังกังวานนับครั้งไม่ถ้วน หน้ากระจกกลางบ้านหลังหนึ่ง ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ในวันที่เด็กชายลูกชาวนา มีฝันอยากเป็น ‘ผู้แทน’
ถึงยังเป็นแค่ซ้อมอภิปราย แต่ใครจะรู้ว่าความจริง จะมาถึงไหม ช้าเร็วแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อคนนั้น คือ จูรี นุ่มแก้ว รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ฝ่ายการสื่อสาร หลายคนคุ้นชินกับเขา ในฐานะ ‘พี่จูรี’ ติ๊กต๊อกเกอร์ชาวใต้ เจ้าของช่อง ‘แหลงเล่า’ ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.8 ล้านคน
แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่า เส้นทางทั้งหมดผ่าน ‘การวางแผน’ ไปตามลำดับชีวิต สะสมเรื่องราวระหว่างทางเพื่อให้พร้อม หากวันที่ฝันของการเป็นผู้แทน จะมาถึง
จนถึงวันฟ้าจะเปิด ตามคำบอกเล่าของเจ้าตัว กับการรับตำแหน่งใน ปชป. พรรคการเมืองในฝัน ทว่า ยังไม่แน่ชัดว่า นี่เป็นเรื่องน่ายินดี หรือภาระสาหัสสากรรจ์กันแน่ หาคำตอบได้ผ่านรายการ TODAY LIVE ตอนนี้
เส้นทางชีวิต ‘คนดังระดับภาคใต้’
“เหตุผลที่จบ ม.6 แล้วไปเรียนกฎหมาย เพราะมีความอยากเป็นผู้แทนราษฎร”
จูรี ตั้งต้นเล่าถึงความชอบการเมืองตั้งแต่น้อย ส่วนหนึ่งยกความชอบให้บรรดาผู้แทนพรรค ปชป. ในสมัยนั้น ที่ไม่เป็นรองบนเวทีปราศรัย ด้วยเติบโตในฐานะลูกชาวบ้าน ที่ไม่ได้ขาดแต่ต้องดิ้นรน เขาถึงวาดฝันว่า สักวันความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก ของคนธรรมดา เสียงจะดังพอให้มีคนได้ยิน
“ไม่ใช่ความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้น ว่าดังแล้วอยากเป็นนักการเมือง ทุกอย่างผ่านการวางแผน ตั้งเป้า และดำเนินชีวิตตามขั้นตอน”
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบมัธยมฯ จูรี เล่าว่าเขาสู้มาตลอด ทำมาแล้วหลายอาชีพ ตั้งแต่แบกข้าวสาร เป็นทุนระหว่างเรียนนิติศาสตร์ รามคำแหง ทำงานเซเว่น จบแล้วก็เข้ารับราชการ ก่อนที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวในช่องเวิร์คพอยท์ หลังจากเป็นแชมป์รายการเดียวดวลไมค์ ควบคู่กันไปกว่า 5 ปี

เมื่อโลกเปลี่ยน งานผู้ประกาศอาจไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด ทว่า เขาได้ฝึกและเรียนรู้การจับความสนใจของผู้คน จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญ ประกอบกับภรรยาชักชวนให้รู้จักแพลตฟอร์ม Tiktok (ติ๊กต๊อก)
ทั้งที่ต่อต้าน แต่ไม่นานก็เพลินจนต้องเข้าร่วม แต่ด้วยสายเลือดคนทำสื่อในตัว จูรี เห็นโอกาสที่มากกว่านั้น ว่าพื้นที่นี้เป็น “ศูนย์รวมความบันเทิงฉาบฉวย”
ถึงได้ต่อยอดมาเป็นช่องแหลงเล่า ที่โฟกัสแพลตฟอร์มคลิปสั้น (แหลง เป็นภาษาถิ่นใต้ หมายถึงพูด) ถึงจะมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นหลักแสนในเวลาไม่นาน แต่เเขายังไม่พอใจ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ขาด คือ ‘คาแร็กเตอร์’ คนฟังเรื่องที่พูด แต่จำคนพูดไม่ได้ ‘พี่จูรี’ จึงถือกำเนิดขึ้น
“จูรี เลยรับบทบาทเป็นชาวบ้าน ที่ทุกคนเข้าถึง เหมือนเพื่อนบ้านเล่าให้ฟัง…ไม่ขอดังระดับประเทศ ขอดังระดับภาคใต้ก็พอ” จูรี กล่าว
สักวันโอกาสจะมาถึง อยู่ที่ว่าคนนั้นพร้อมแล้วหรือไม่ คำพูดนี้เป็นจริงแค่ไหน เชื่อว่า จูรี เป็นหนึ่งบทพิสูจน์แล้ว ด้วยภูมิหลังของการเป็นเด็กใต้ ที่ชื่นชอบการเมือง ‘พรรคประชาธิปัตย์’ จึงเหมือนฝันที่ไม่กล้าฝัน ทว่า เขาเลือกที่จะพาตัวเองเข้าสู่เส้นทางนี้ให้มากที่สุด อย่างการลงสมัครเป็นผู้แทนในนามพรรคชาติพัฒนากล้า ในการเลือกตั้งครั้งก่อน
“สมัยผมเพิ่งจบใหม่ ปชป. เข้าไม่ได้นะ ฮ็อต เข้ายังไง…แค่มาเดินเฉียดก็ขนลุกคนพอง คนนั้นซุปตาร์ ดาวสภาฯ” จูรี เล่า แล้วจังหวะชีวิตก็ทำให้เด็กจากระโนดคนนี้ มาถึงรั้ว ปชป. จนได้ พร้อมการกลับมาของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนใหม่
ปรับโฉม ปชป. สร้างภาพจำใหม่ ‘เกิดชาตินี้ก็เป็นผู้แทนได้
จูรี เล่าติดตลกว่า ไม่กี่เดือนก่อน บรรยากาศพรรคคล้าย ‘นั่งอยู่ในเปลว’ ตามคำเปรียบเทียบฉบับชาวใต้ ฉายภาพความเงียบเหงา แต่ถึงตอนนี้ มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่นี่ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งคนที่มาแสดงเจตจำนงจะลงสมัคร คนทั่วไป คนที่เคยเลิกรัก คนที่งอนกันไป แล้วพรรคเดินหน้าง้อ ต่างกลับมาสมัครสมาชิก เพราะอยากช่วยเหลือพรรค ต่างเดินกันให้ควั่ก
บ้างคงจะผ่านตากันมาบ้าง สำหรับคีเวิร์ดที่ ปชป. พยายามย้ำบ่อยครั้งในช่วงนี้ อย่าง ‘สส.คุณเองก็เป็นได้’ ที่จูรี ออกตัวว่า เป็นผลจากการระดมความคิดของคนในพรรค
“เราอยากเปลี่ยนภาพของ ปชป. จริงๆ ที่แต่ก่อนเป็นพรรคเจ้าขุนมูลนาย ลูกท่านหลานเธอ ต้องมีชาติตระกูล เกิดมาต้องมีน้ำสกุลค้ำคอ ถึงจะได้เป็นผู้แทน ยุคนี้อยากให้ทุกคนเข้าถึงจริงๆ เปิดรับสมัครทุกอาชีพ ทุกวัย ทุกกลุ่มคน”
นี่ไม่ใช่การเปลี่ยน จูรี ย้ำ ทั้งหมดคือการกลับมายึดฐานคิดเดิม ของพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมือง อยู่คู่ไทยมาร่วม 80 ปี
“ไม่ต้องรอเกิดชาติหน้า แล้วไปอยู่ในตระกูลการเมือง ถึงจะได้เป็น (ผู้แทน) ชาตินี้แหละ เข้าสู่กระบวนการสรรหาของเรา…คนรุ่นใหม่ ไม่มีโอกาสไหนจะเข้า ปชป. ได้เท่าตอนนี้แล้ว (หัวเราะ)” จูรีย้ำ

การเมืองยุคปัจจุบัน ‘การสื่อสาร’ เป็นสิ่งสำคัญ จูรี เท้าความว่า การเลือกตั้งครั้ง ปี 66 พรรคการเมืองหนึ่ง ประสบความสำเร็จเพราะการสื่อสาร ในรูปแบบออนไลน์ ที่เข้าถึงประชาชน “เรารู้เลยว่า วันนี้หูจมูกตา คนต้องการอะไร กระแสสังคมต้องการอะไร เราเอามาผสมกับการสื่อสารของพรรค แม้แต่นโยบายจะตอบโจทย์สิ่งที่ชาวบ้านร้องหายังไง ออนไลน์ใช้ประโยชน์ได้มาก”
ต่างกับอดีต จะปราศรัยหรือเข้าถึงคน ต้องลงข่าวออกทีวี ตั้งเวทีใหญ่โต ขณะที่ปัจจุบันวิถีเปลี่ยนไปมาก ติ๊กต๊อกนาทีเดียว เข้าถึงในมุ้งคนแล้ว จูรี เดินหน้าใช้สิ่งที่ตนเองถนัด สร้างเนื้อหาให้เข้าถึงชาวบ้าน โดยมีหัวหน้าพรรครับบทนั่งแสดงนำในบางครั้ง เช่นเดียวกับผู้แทนทุกคน ที่ต่างปรับตัว
“หัวหน้าเข้าถึง รับรู้ไว รู้จักความเปลี่ยนแปลง…หัวหน้า 5 4 3 2 แบบนี้นะ แกหัวไวอยู่แล้ว ไม่ให้เสียตัวตน ยังไงแกก็เป็นแก”
จูรี อธิบายว่า งานด้านการสื่อสารที่เป็นทางการ จะอยู่ภายใต้การดูแลของ พงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษก กทม. ส่วนงานสื่อสารที่ต้องนำนโยบาย ความคิด มาเล่าต่อเป็นภาษาง่ายขึ้น เป็นภารกิจของเจ้าตัว
“พบชาวบ้านต้องพบอยู่แล้ว แต่สิ่งนี้ (ติ๊กต๊อก) เป็นเครื่องทุ่นแรง ให้คุณเข้าถึงชาวบ้านเร็วขึ้น ให้เขารู้สึกดี หรือรู้จักคุณเบื้องต้น”
จะง้อคน ‘เลิกรัก’ ได้ยังไง?
เรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ สาวก ปชป. จำนวนหนึ่ง หันหลังให้พรรค โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ที่เคยเป็นที่หมั้น จูรี ยกประสบการณ์ส่วนตัว ที่เป็นเอฟซีพรรคมาตลอด แต่เมื่อรู้สึกว่า ออกนอกร่องนอกรอย จากคนที่เคยรักในอุดมการณ์ มองว่าซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คดโกง ก็งอนและเสื่อมศรัทธาเป็นธรรมดา
“คนใต้โดยส่วนใหญ่ ตามวิถีของคนใต้เคยเลือก ปชป. มาแล้วทั้งนั้น ด้วยเหตุผลต่างๆ วันหนึ่งจาก 11 ล้านเสียง มาเหลือ 9 แสนเสียง คนเหล่านั้นหายไปไหน” จูรี ยกตัวอย่าง
ทว่า การเปลี่ยนแปลงในรอบไม่กี่เดือนนี้ เขาเริ่มเห็นโอกาส และเชื่อมั่นว่าแนวทางที่ทุกคนกำลังเดินไปจะสัมฤทธิผล ส่วนข้อครหา ‘พรรคนี้เก่งแต่พูด’ นั้น จูรีเห็นต่าง ทั้งยังชวนตั้งคำถามใหม่ว่า “แล้วมันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของผู้นำที่ดีไหม?”
จูรี มองว่า การสื่อสารได้ดี มีเสน่ห์ เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นทุกที่คงไม่เปิดการสอนหลักสูตรนี้กัน แล้วเมื่อสื่อความคิดให้คนเข้าใจได้แล้ว ก็สามารถทุ่มเทกับการลงมือทำควบคู่ไป
นอกจากนี้ ความเป็นสถาบันการเมือง ไม่มีใครเป็นเจ้าของพรรค ตราบใดที่ผู้แทนมาจากการเลือกตั้งของสมาชิก ไม่ขัดข้อบังคับพรรค เขามีสิทธิปฏิบัติหน้าที่ “คนสิบคนยืนอยู่ จะให้คนเดียวชอบทั้งสิบ คงเป็นไปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคาแร็กเตอร์ของคนนั้น เป็นความนิยมชมชอบส่วนตัว”
เสียงกระซิบว่าคนนั้นอย่างนั้น คนนี้อย่างนี้ บอกหัวหน้าหน่อย ในฐานะคนทำงานใกล้ชิดประชาชน จูรี รับรู้ เพียงแต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา

กินเหยื่อ อย่ากินเบ็ด
ภาคใต้ตลาดเพิ่งเปิด ปชป. จะทำยังไง? เป็นคำถามที่อดสงสัยไม่ได้ เพราะเปรียบกับภูมิภาคอื่น สนามภาคใต้เพิ่งเริ่มคึกคัก หลัง ปชป. ขยับตัว กล้าธรรมเปิดหน้า อีกทั้งภูมิใจไทยปักหมุดเพิ่ม
“เหนื่อยอยู่แล้ว” จูรีออกตัว ก่อนยกคำพูดของหัวหน้าพรรคว่า ปชป. กำลัง ‘เหมือนตั้งพรรคใหม่ในพรรคเก่า’ ดังนั้น การชักชวนผู้คนก็คล้ายชวนมาเหนื่อย ไม่ใช่สบาย ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่า ‘กระสุน’ กลับมาเป็นเครื่องมือ และใช้ได้ผลในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้
จูรี รับว่า วัฒนธรรมที่บอกภาคใต้ซื้อไม่ได้ เดี๋ยวนี้อาจไม่ใช่เสียแล้ว ดังนั้น การรณรงค์ให้ชาวบ้าน ตระหนักถึงสิทธิของตนเอง รู้จักรักษาประโยชน์ตัวเอง เป็นสิ่งหนึ่งที่ ปชป. เดินหน้าสื่อสารอยู่
“พยายามเชียร์ตลอดว่า กินเหยื่อ อย่ากินเบ็ด”
จูรี ยกเปรียบสำนวน ที่เล่าสถานการณ์การซื้อเสียง ว่าไม่ต่างกับการตกปลา ที่เงินคือเหยื่อ ใช้เหวี่ยงให้ปลามางับ แต่หากปลาไม่งับ ก็ไม่สามารถตกปลาตัวนั้นได้ ฉะนั้น การที่ประชาชนเข้าถึงข่าวสาร และรู้เท่านั้น จะเป็นเกราะป้องกันได้อย่างดี อีกทั้งบริบทการเมืองระดับชาติ ต่างกับการเมืองท้องถิ่น ในการเลือกตั้งครั้งก่อน ถึงได้เกิดปรากฏการณ์บ้านใหญ่ถล่มมาแล้ว
“การเมืองใหญ่ฝันตามกระแส กระแสถ้าทำได้จริง เข้าไปอยู่ในใจชาวบ้าน ต่อให้ใครมาหา แต่ในหัวใจมีอยู่แล้วหนึ่งคน”
จูรี เล่าว่า คนลองผิดลองถูกมาแล้ว ถึงได้เรียกหานักการเมืองสุจริต แทนกลุ่มสีเทา จึงต้องย้ำกับประชาชน อย่าให้เงินกำนัล มาบังคับปลายปากกาคน ถึงตอนนี้ไม่อาจรู้ได้ ว่าเส้นทางการเมืองครั้งนี้จะรุ่งหรือไม่ แต่เขายินดีเผชิญ และไม่เคยกลัวเสียความนิยม
“คนบอกจูรีไม่ต้องเข้าการเมือง คลิปที่ทำอยู่ทุกันนี้ ก็เป็นปากเสียงให้ชาวบ้านแล้ว คลิปล้านวิวจริง แต่คนที่ดูคือชาวบ้านไง รัฐบาลไม่รู้ดูรึเปล่า”
“ผมรับฟังนะ แต่ถ้าเราไม่ทำสิ่งนี้เหมือนทรยศ ต่อความฝันของตัวเอง”
“สุดท้ายไม่อยากยืนจุดไหน ถ้าสิ่งที่ทำตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ดีงาม ไม่ได้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ มันจะเป็นเกราะกำบังเราเอง สุดท้ายถ้าเสียชื่อเสียง มันก็แค่กับคนที่คิดต่างกับเรา หรือฝั่งตรงข้ามเท่านั้น”
ก่อนเจ้าตัวจะทิ้งท้ายด้วยภาษาถิ่น หวังมัดใจปลายด้ามขวานอีกครั้ง “พี่น้อง เลือกตั้งหนหน้า (คราวหน้า) มีอยู่แล้วเขาให้ใบพัน (แบงก์) มาเสียบแบ็ด ถึงกะตกพี่น้อง ถ้าเห็นใบพันอยู่ ปริ่มๆๆๆ ในครัวม่ายสาร (ไม่มีข้าวสาร) กรอกหม้อพอดี ถึงไปงับบับ ถึงหลวด (กระโจน) ไปเลย ไปคิดพิจารณาถึงคนที่น่าเลือกที่สุด เอาที่ประวัติใสสะอาด ไม่เทาไม่ดำ จนมีปัญหาเหมือนปัจจุบันนี้ แล้วหนึ่งในนั้นฝาก ปชป.”
“ทำภาคใต้ให้เป็นสีฟ้า ให้ฟ้าคืนใต้อีกสักทีหลาว (อีกสักครั้ง) ได้เป็นความหวังของโบ๋เร้า (พวกเรา)” จูรี กล่าวทิ้งท้าย










