“ไม่อยากเหนื่อย เพื่อคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์ ต่อประชาชนที่เลือก และพรรคที่ตัวเองสังกัด ไม่ซื่อสัตย์เบื้องต้นอย่างนี้ เขาไปโกงแน่ ไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก ปิดประตูลงกลอนแล้ว…”
ถึงจะไม่โดนยุบพรรค หรือเสียแคนดิเดตนายกฯ แต่พรรคสีม่วง อย่าง ‘ไทยสร้างไทย’ นับเป็นอีกพรรคที่โดนลับคม ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเขาอย่างจัง หลังมี สส. ย้ายพรรคกลางทาง ถึงขั้นที่หัวหน้าพรรค อย่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ต้องออกปากขอโทษประชาชน พร้อมย้ำภารกิจปิดตายนักการเมือง ‘ขายตัว’ ผ่านแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
รายการ TODAY LIVE จากสำนักข่าวทูเดย์ มีโอกาสพูดคุยกับ นักการเมือง ประสบการณ์ 33 ปี คนนี้ เพื่อตอบคำถามแรกว่า ‘ไทยสร้างไทย’ ยังคงไปต่อกับการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ แล้วพวกเขาจัดที่ทางตนเองไว้อย่างไร
แก้รัฐธรรมนูญ ‘ของแสลง’ พรรคการเมือง?
“ทำการเมืองต่อ พรรคไทยสร้างไทยยังคงส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า” นี่เป็นคำยืนยัน ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่ถือเป็นพรรคน้องใหม่ที่ตั้งมาราว 3 ปี แต่เกิดเหตุการณ์ซับซ้อนซ่อนเงื่อน จนเป็นที่พูดถึง และถูกแซวที่เล่นที่จริง ว่านี่เป็นผลงานที่สร้างแรงกระเพื่อมที่สุดของพรรค
ช่วงเริ่มต้นของการพูดคุย คุณหญิงสุดารัตน์ เท้าความมองภาพการเมืองไทย ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ว่า ที่ผ่านมาช่วงหาเสียง แทบทุกพรรคยืนยันเรื่อง ‘แก้ไขรัฐธรรมนูญ’ แต่เมื่อนั่งเก้าอี้รัฐบาลจริง สิ่งนี้กลับเป็น ‘ของแสลง’ ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เช่นเดียวกัน หลังเกิดวิกฤตการเมืองนายกฯ แพทองธาร หลุดจากตำแหน่ง และ ครม. ปรับโฉมหน้าใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถูกยกกลับมาถกอีกครั้ง
คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันยันว่า ปากท้อง และ รัฐธรรมนูญ ต้องไปร่วมกันได้ อย่างที่ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคไทยสร้างไทย กำหนดกรอบไว้เพียงเดือนเดียว ด้วยการแก้กติกาที่เป็นอุปสรรค และ แก้ไขให้ประชาชนทำมาหากินของประชาชน
และเช่นทุกครั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยัน ที่จะแก้ไขรายมาตรา โดยไม่แตะหมวด 1 และ 2 ซึ่งเป็นสถาบันหลักที่ต้องรักษา และธำรงไว้ ด้วยการเริ่มต้นแก้ไขความยาก เรื่อง ‘ตัวเลือกนายกฯ’ ปลดล็อกให้นายกฯ มาจากการเลือกตั้ง “ตลกไหมละ พรรคสีส้มต้องไปยกมือให้พรรคอื่นเป็นนายกฯ ได้ที่หนึ่งแต่ไม่มีแคนดิเดต”

ขณะที่ การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ มองวกกลับมาที่ปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศ คอร์รัปชั่นสูงเท่าไหร่ ความยากจนของประชาชน ยิ่งมากเท่านั้น และจะตามมาด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง
“การซื้อเสียงอย่ามโหฬาร ครั้งหน้าจะมากกว่านี้ และการซื้อเสียง สส. ในสภาฯ ไม่มียุคไหนมากเท่ายุคนี้นะ” ปัญหาเหล่านี้ ตามความเห็นของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกิดขึ้นจากที่รัฐธรรมนูญเปิดไว้ว่า สส. ไม่จำเป็นต้องฟังมติพรรค ถือเป็นเอกสิทธิ์
“คำว่า เอกสิทธิ์ เปิดช่องให้นักการเมือง ‘ขายตัว’ ถึงเห็นงูเห่าเต็มไปหมด เห็นกล้วยมาเป็นเครือ”
นี่เองทำให้หัวหน้าพรรครายนี้ มองว่า การกลับไปใช้ระเบียบเช่นปี 2540 ที่ถ้าสมาชิกของพรรค หรือ สส. ไม่ทำตามข้อบังคับ หรือ มติพรรค พรรคมีสิทธิไล่ออก และเมื่อไล่ออกแล้ว ถือว่าหมดสมาชิกภาพความเป็น สส. ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน
‘เอกสิทธิ์’ ไม่จริง เปิดช่องนักการเมือง ‘ขายตัว’?
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมี สส.ย้ายพรรค และโหวตเลือกนายกฯ ขัดกับมติพรรคมาแล้วนั้น ถือเป็นแรงสนับสนุนหนึ่ง ที่พรรคการเมืองแห่งนี้ เห็นจุดที่ต้องแก้ไขของรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ
“เราดำเนินการทางกฎหมายนะ เพราะมันผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เป็นเอกสิทธิ์ คุณไปแลกผลประโยชน์ และไม่ได้เกิดกับพรรคไทยสร้างไทยที่เดียว เราแค่เผอิญเป็นพรรคแรก”
คุณหญิงสุดารัตน์ ยอมรับว่า ถึงจะมีประสบการณ์ และคนรู้จักอยู่พอสมควร แต่การออกจากพรรคเพื่อไทย แล้วใช้เวลาไม่นานเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องเวลา
“เวลาน้อย เราไม่ได้ ‘หล่อหลอม’…เราไม่ใช่พรรคบ้านใหญ่ที่ใช้เงิน ได้มาเพราะกำลังของพี่ทั้งนั้น ทุ่มเทให้เขาอย่างนั้น แต่ละคนอยู่พรรคอื่นมาแล้วสอบตก แต่ขยันลงพื้นที่”
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวขอโทษพี่น้องประชาชน อย่างตรงไปตรงมา กับเหตุการณ์ที่ สส. ของพรรคไหลออก จนอาจขัดต่อความตั้งใจที่ประชาชนมอบให้แต่ต้น “ครั้งหน้าไม่มีเด็ดขาด ปิดประตูลงกลอนแล้ว…ไม่อยากเหนื่อย เพื่อคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์ ต่อประชาชนที่เลือก และพรรคที่ตัวเองสังกัด ไม่ซื่อสัตย์เบื้องต้นอย่างนี้ เขาไปโกงแน่ ไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก”

ประกาศตัว เป็น ‘พรรคอนุรักษนิยมก้าวหน้า’ แต่อย่าโหน
ย้อนกลับไป ตลอดเส้นทางการเมืองกว่า 30 ปี คุณหญิงสุดารัตน์ ออกตัวว่า ยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ไม่เคยสนับสนุนเผด็จการ พร้อมเล่าว่า ประวัติการทำงาน 33 ปี ไม่มีเรื่องทุจริต นอกจากครั้งที่ถูกกลั่นแกล้งก็ได้ ในช่วงรัฐประหารปี 2549 ท้ายสุด ป.ป.ช. ก็มีมติว่า บริสุทธิ์เป็นเอกฉันท์ ก่อนที่เจ้าตัวจะดำเนินการฟ้องกลับ ป.ป.ช. บางคนที่ใช้หลักฐานเท็จ
“พี่ไม่เคยมีเรื่องทุจริต แม้แต่เล็กแม้แต่น้อย ทำงานมา 33 ปี ด้วยความซื่อสัตย์ ถือคำมั่นกับประชาชน เป็นสัญญาประชาคม พี่ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เคยถูกตั้งกระทู้ญัตติเรื่องความโปร่งใส ไม่ซื่อสัตย์ หรือทุจริตเลย”
เช่นนี้เอง ทำให้ความตั้งใจของการตั้งพรรคไทยสร้างไทย อยู่บนพื้นฐานมุ่งสร้างการเมืองสุจริต ไม่โกงไม่พอ ต้องประกาศสงครามกับคนโกงได้ ทว่า ในการเลือกตั้งครั้งก่อน สนามการเมืองมุ่งสู้ตัวแทนเผด็จการ อย่างแคมเปญ ‘มีลุง ไม่มีเรา’ ทำให้จุดยืนอื่นๆ เลือนรางไปจากความทรงจำของประชาชน อย่างที่ พรรคไทยสร้างไทยประกาศตัว อย่างน้อย 2 ครั้ง เรื่องการไม่แก้ไข ม.112 แต่ใช่ทางออก คือ ไปแก้ไข ป.วิ อาญา เพื่อให้คนที่ไม่ได้อาฆาตมาดร้าย มีทางออก
“คนจะเลือกหรือไม่เลือกอย่าโกหกเขา เราวางตัวเป็น progressive conservative หรือ เป็นอนุรักษนิยมก้าวหน้า” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ก่อนจะอธิบายต่อว่า วันนี้ปัญหาของประเทศ มีอย่างน้อย 5 เรื่อง ที่ต้องเร่งแก้ไข เริ่มต้นด้วยการปรับปรุงประเทศ ให้เป็นประชาธิปไตยที่แข็งแรง ต่อเนื่องไปสู่การพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะระบบรัฐราชการที่อุ้ยอ้าย ด้วยการเอาประชาชนเป็นหัวใจ
“เราต้องแก้โครงสร้างทางการศึกษา วันนี้เราสอนเด็กแข่งกับ AI ซึ่งไม่มีทางทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น เราต้องสอนให้เด็กใช้ AI เป็น เป็นเจ้านายของ AI”
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษา ให้โอกาสทุกคนเท่าเทียม และทัดเทียมกัน เปิดโอกาสให้พวกเขาเรียนจนจบปริญญาตรีเลย โดยไม่ต้องกู้หนี้ กยศ. หากเป็นเช่นนี้แล้ว ไทยก็จะสามารถแก้สังคมสูงวัย ที่เป็นภาระที่กำลังจะเข้ามาใน 3 ปี อันใกล้นี้ “ไทยมีคนแก่มากขึ้นไม่พอ ยังแก่ก่อนรวย อย่าง ‘บำนาญประชาชน’ ไม่ใช่นโยบายประชานิยมแน่นอน”
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มองว่า การกำหนดเกณฑ์ไม่ได้ให้ทุกคน แต่ต้องเป็นผู้ร่วมสร้างสุขภาพแข็งแรง และเข้าโปรแกรมทบทวนทักษะ จะช่วยขยายผลให้รัฐไม่ต้องอุดหนุนค่ารักษาพยาบาล ลูกหลานก็ไม่ต้องแบกรับภาระ ผนวกกับการเดินไปข้างหน้า ด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม และความเป็นธรรมในระบบยุติธรรม
“ที่บอกว่าเป็นพรรค progressive (ก้าวหน้า) คือ เรื่องเหล่านี้” คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำ
ทำไมถึงยังต้อง conservative (อนุรักษนิยม) ไม่เปลี่ยนแปลงเลย?
“ไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ใช่เพราะว่าพี่แก่แล้วพูดแบบนี้” คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันในคำตอบนี้ ก่อนจะชวนทุกคนตั้งหลัก โดยมองว่า จริงๆ แล้วทุกคนต่างต้องมีหลักยึดเหนี่ยว อย่างที่ครอบครัวมีพ่อแม่ หรือ สังคมมีกลุ่มเพื่อน
“สถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันศาสนา หลักยึดเหนี่ยวทำให้คนหลอมรวมกันเป็นสังคม เป็นชาติ เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ก็รักษาไว้”
ดังนั้น การพยายามผลักให้ประเทศก้าวหน้า ออกจากหล่ม 5 ข้อ ทั้งประชาธิปไตย การศึกษา สังคมสูงวัย สิ่งแวดล้อม รัฐราชการ เพื่อให้ก้าวหน้าทัดเทียมโลก ย่อมต้องทำควบคู่ไปกับการยึดมั่นสิ่งที่ดี เป็นศูนย์รวมจิตใจ วกกลับมาก่อนถึงวันนั้น หากยังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ไทยสร้างไทย ก็ยังคงต้องส่งแคนดิเดตนายกฯ ครบทั้ง 3 รายชื่อ “ถ้าไม่แก้มีพรรคไหนส่งคนเดียว”
เบื้องต้น คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่า พื้นที่กรุงเทพฯ เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ จะเป็นพื้นที่พร้อมลุย และพื้นที่ซึ่งไม่ถนัดพรรคจะไม่ฝืน ช่วงท้าย ยังเล่าถึงการมีโอกาสเรียนรู้ สอน สนับสนุน และรับฟัง ‘คนรุ่นใหม่’ ในช่วงหลายปีมานี้ ว่ามีประโยชน์กับการพัฒนางานการเมืองอย่างมาก
“เด็กรุ่นใหม่ มีทัศนคติที่ดี ชอบอะไรที่ตรงไปตรงมา ซึ่งถูกจริตกับพี่ ไม่โกงไม่โกหก ทำอะไรมีความรับผิดชอบ ต่อสังคม ต่อส่วนรวม เขากังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี สุขภาพ”
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า “ไม่ต้องการอะไรเพื่อตัวเองแล้ว” ตลอด 33 ปีทางการเมืองผ่านมาหมดแล้ว เปรียบกับตึก ก็คงเป็นฐานที่มั่นคงแล้ว จึงฝันจะได้มีโอกาสใช้ความรู้และประสบการณ์ เป็นฐานทำพรรคการเมือง ที่จะทำงานให้ประชาชน ที่ซื่อสัตย์ มีศักยภาพ ทำได้จริง ไม่ขายฝัน
“ความฝันของพี่ก่อนตาย อยากเห็นคนไทยอย่างน้อยๆ ทุกอาชีพทุกช่วงวัย พออยู่พอกินได้ สะท้อนหลักคิดพรรคไทยสร้างไทยว่า ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนแก่ ให้มั่นคงในชีวิต อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี และความสุข” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวทิ้งท้าย










