‘พาณิชย์’ จัดทัพลงพื้นที่ระยอง ดันขนุนทอดกรอบเป็นสินค้า GI ใช้ช่อง เอฟทีเอขยายตลาดส่งออก

วันที่ 24 ส.ค. 2563 นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่หารือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโป่งสะท้อน อ.เขาชะเมา จ.ระยอง เพื่อสำรวจศักยภาพการแปรรูปขนุนพันธุ์ทองประเสริฐเป็นสินค้าขนุนทอดกรอบ
พบว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูงในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดกลุ่มรักสุขภาพได้ดี เพราะเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสามารถทดแทนขนมขบเคี้ยวที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดได้ และที่สำคัญขนุนพันธุ์ทองประเสริฐ ยังปลูกได้ง่าย ให้เปอร์เซ็นต์เนื้อในผลเยอะ สามารถรองรับอุตสาหกรรมการแปรรูปเพื่อการส่งออกได้

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในการทำตลาดต่างประเทศ จะแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ในการส่งสินค้าไปขาย โดยปัจจุบันคู่เจรจาเอฟทีเอ 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าขนุนสดที่ส่งออกจากไทยแล้ว ยกเว้นเกาหลีใต้ที่เก็บภาษีนำเข้าขนุนสดที่อัตรา 36%
ส่วนสินค้าขนุนอบแห้งหรือขนุนทอดกรอบของไทยไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าใน 15 ประเทศคู่เอฟทีเอ ยกเว้นเพียง เกาหลีใต้ อินเดียและสปป.ลาว ที่คงภาษีนำเข้าที่อัตรา 36% 30% และ 5% ตามลำดับ

กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะศึกษารายละเอียดของสินค้าดังกล่าวว่ามีคุณสมบัติเข้าข่ายที่จะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ได้หรือไม่ หากทำได้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

สำหรับการส่งออกขนุนของไทยในช่วง 6 เดือนปี 2563 (ม.ค. – มิ.ย.) มีมูลค่าสูงกว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.94% โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ
– จีน มูลค่าการส่งออก 7,217,647 เหรียญสหรัฐ เพิ่ม 6.16%
– เวียดนาม มูลค่าการส่งออก 5,709,021 เหรียญสหรัฐ เพิ่ม 54.22%
– สปป.ลาว มูลค่าการส่งออก 162,566 เหรียญสหรัฐ เพิ่ม 464.01%
– เยอรมนี มูลค่าการส่งออก 85,179 เหรียญสหรัฐ เพิ่ม 682.46%
– เมียนมา มูลค่าการส่งออก 63,976 เหรียญสหรัฐ เพิ่ม 34,486.61%










