เสียบบัตรแทนโทษหนัก ส.ส.เพื่อไทยถูกถอดถอน ยังลุ้นคดีอาญาโทษถึงจำคุก

เสียบบัตรแทนโทษหนัก ส.ส.เพื่อไทยถูกถอดถอน ยังลุ้นคดีอาญาโทษถึงจำคุก

กรณี ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 63 จะโมฆะหรือไม่ จะระบุเพียงพฤติกรรมของนายฉลอง เทิดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ที่ยอมรับว่าไม่อยู่ในที่ประชุม โดยไม่พูดถึงบทลงโทษ ระบุให้เป็นเรื่องไปดำเนินการทางกฎหมายกันต่อไป

และไม่พูดถึงกรณี น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่อ้างว่าเสียบบัตรให้เพื่อนที่เข้าไม่ถึงเครื่องลงคะแนน

นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ปรากฏภาพในคลิปข่าวของสื่อมวลชน ตั้งข้อสังเกตถือบัตรหลายใบ ในการลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณ

รวมทั้งนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ที่มีคลิปถือบัตรหลายใบและถูกระบุชื่อในคำร้องด้วย

นาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่อยู่ในห้องประชุม แต่ปรากฏการลงคะแนนในการลงมติก่อนหน้านี้


นอกจากนี้ยังไม่รับคำร้องเพิ่มเติมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ระบุความผิดของ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่อยู่ในห้องแต่ปรากฎลงคะแนน และ ศ.โกวิทย์ พวงงาม พรรคพลังท้องถิ่นไท ที่ปรากฏคลิปเสียบบัตรหลายใบ ด้วยเหตุว่าเป็นคำร้องเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปในคดีนี้แล้ว
.
แต่หลายคนยังคงติดตามว่า ส.ส.เหล่านี้ที่ถูกกล่าวหา ถ้าผิดจริงจะมีบทลงโทษอย่างไร ซึ่งเมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนที่ฝ่ายปฏิบัติรวบรวมข้อมูลเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาของ ป.ป.ช.ในวันที่ 21 ก.พ. นี้ ว่าจะดำเนินการไต่สวนต่อหรือไม่


หากย้อนไปดูกรณีของ นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่ถูกข้อกล่าวหากดบัตรลงคะแนนแทน ส.ส.คนอื่น 4-5 คน เขาถูกบันทึกภาพระหว่างการลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. (10 และ 11 ก.ย. 2556) และ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน) (20 ก.ย.2556)
.
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของเขา มีผลทำให้ร่างกฎหมายตกไป


ส่วน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการสอบเรื่องนี้ และมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา เมื่อปี 2559 โดยระบุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123 และ 123/1 รวมถึงจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหน้าที่นั้น ๆ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งเช่นที่ว่า แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทำให้การลงคะแนนเสียงถูกบิดเบือน
.
มีการส่งเรื่องให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนด้วยคะแนน 221 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง แม้ว่าตัวนายนริศร ในขณะนั้นจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่การลงมติถอดถอนก็ทำให้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี
.
ส่วนคดีอาญา ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้อง นายนริศร ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
.
จนถึง 14 ส.ค.2562 เขายังต้องต้องขึ้นศาล และขอยื่นหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณา โดยศาลตีราคาประกัน 1 ล้านบาท


ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ระบุความผิดไว้ ดังนี้
.
มาตรา 172 เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

 

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง