ปชป.เปิดทีมเศรษฐกิจ ย้ำหากเป็นรัฐบาล พร้อมอัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านเข้าระบบเศรษฐกิจ เมินผลโพล กทม.ไม่ติด 1 ใน 10 นายกฯ ที่ชาว กทม.อยากเลือก แจงไม่ขอวิจารณ์ แต่มั่นใจเพราะลงพื้นที่ต่อเนื่องทุกเสียงสะท้อนก็ออกมาใกล้เคียงกันว่าเสียงตอบรับดีขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังประชุมทีมเศรษฐกิจของพรรคประกอบด้วย นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานนโยบายพรรค, ม.ร.ว.ศศิพฤนท์จันทรทัต อดีตซีอีโอ. บ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา และอดีตกรรมการและรักษาการณ์กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตรองประธานหอการค้าโลก, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม., นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค และนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจทันสมัย
นายจุรินทร์ กล่าวว่าเป็นการประชุมส่วนหนึ่งของทีมเศรษฐกิจเพื่อหารือในเรื่องนโยบายเพิ่มเติมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล จะสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ โดยพรรคจะให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก มหภาค และทันสมัย โดยจะมีเศรษฐกิจอนาคตอยู่ด้วย
“วันนี้มีความเห็นตรงกันว่า ถ้าเรามีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ส่วนที่มาของเงิน ที่จะนำมาใช้จะไม่เน้นสร้างหนี้สาธารณะโดยไม่จำเป็น
เมื่อถามถึงนโยบายเฉพาะในพื้นที่ กทม.ที่จะต้องเสริมเข้าไปอีกหรือไม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของ กทม.พรรคได้แถลงนโยบายไปแล้ว ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และกทม.เป็นพื้นที่ที่พรรคให้ความสำคัญ มีนโยบาย 2 ส่วนที่สำคัญคือ นโยบายรวมและนโยบายเฉพาะทีม กทม. เป็นนโยบายที่เกี่ยวพันกับคน กทม. เช่น จัดตั้งธนาคารชุมชน 2,800 กว่าแห่งๆ ละ 2 ล้านบาท รวมถึงการจัดให้มีอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านแห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะอยู่ในกทม.ไม่ต่ำกว่า 1 แสนจุด เพื่อให้อินเทอร์เน็ตช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน เป็นต้น
เมื่อถามว่า ผลสำรวจล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 นายกรัฐมนตรีที่คน กทม.จะเลือก คิดว่า นโยบายของพรรคจะโดนใจคน กทม.หรือไม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเลือกตั้งเที่ยวหน้ามีบัตร 2 ใบ คือ เลือกผู้สมัครกับเลือกพรรค มั่นใจว่าสำหรับผู้สมัครเราคัดคนที่มีคุณภาพและศักยภาพที่ดีที่สุดยุคหนึ่งที่นำเสนอให้คน กทม.แล้ว ส่วนพรรคเรามั่นใจว่าเสียงตอบรับดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนโพลที่ออกมาก็ต้องดูว่าอยู่ที่โพลไหน และการสำรวจแต่ละช่วงเวลาด้วย ไม่ขอวิจารณ์ แต่ก็มั่นใจของเรา เพราะจากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกเสียงสะท้อนก็ออกมาใกล้เคียงกันว่าเสียงตอบรับดีขึ้น จึงมั่นใจว่า เราจะมีเสียงตอบรับที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
ในส่วนของทีม กทม.จะต้องทำงานหนักขึ้นใช่หรือไม่
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะต้องทำจนกระทั่งถึงวันสุดท้ายที่สามารถจะหาเสียงได้ และหลังจากนั้นก็ยังต้องทำเพราะประชาธิปัตย์กับกทม.ผูกพันมายาวนาน ยามทุกข์ยามสุขเราไม่เคยทิ้งคนกทม. ดูได้จากตอนวิกฤตโควิด-19 ซึ่งนับนิ้วได้ว่ามีกี่พรรคที่ลงไปช่วยดูแลคนกทม. โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเรื่องการจัดสรรผู้สมัครในแต่ละเขตทั่วประเทศนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เบื้องต้นมีผู้สมัครครบ 400 เขต และบัญชีรายชื่อครบ 100 คนแล้ว เพียงแต่ต้องรอการทำไพรมารี่ ซึ่งเราทำ 3 วันคือ 25-27 มี.ค. หากผลการทำไพรมารี่จบเมื่อไหร่ และให้ความเห็นชอบก็จะครบทั้ง 500 คน ซึ่งจะประกาศให้ทราบต่อไป จึงถือว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง เลือกตั้ง 66 ‘พิธา’ ขึ้นแท่นคนกรุงหนุนเป็นนายกฯ 25.08% ส่วนพรรคการเมือง อันดับ 1 คือ พรรคเพื่อไทย
