
วันที่ 6 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม ตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน เดินทางพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดี พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ,พลตรีบุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จากกรณีที่ พลตรีบุรินทร์ ได้แจ้งความดำเนินคดีตัวแทนพรรคฝ่ายค้านที่ขึ้นเวทีเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ในความผิดต่อความมั่นคง ข้อหายุยงปลุกปั่นตาม ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 116

โดยตัวแทนที่ร่วมแจ้งความ เช่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ, นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย, พลโทพงศกร พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ตัวแทนฝ่ายค้าน ได้อ่านคำแถลงการณ์ก่อนเข้าแจ้งความ มีใจความสำคัญว่า

พวกข้าพเจ้าเห็นว่า การจัดกิจกรรมดำเนินการเสวนาดังกล่าว เป็นการกระทำในฐานะพรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเครือข่ายภาคประชาชนร่วมกัน สาระและวัตถุประสงค์สำคัญคือ การรณรงค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่มาร่วมกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งแม้แต่รัฐบาลก็มีนโยบายนี้โดยบรรจุไว้เป็นนโยบายเร่งด่วน มีการอภิปรายพูดถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมั่นคง และปัญหาอื่นๆ ที่ผ่านมาว่าล้มเหลว ปัญหาในอดีตยังสะสมวนเวียนอยู่ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

การกระทำของพวกข้าพเจ้า จึงเป็นการกระทำอันอยู่ในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รับฟังความเห็นการแสดงออกต่างๆ อันเป็นปกติธรรมดาของวงเสวนาทั่วไป หากจะมีการติชมใดๆ บ้างก็เป็นวิสัยปกติธรรมดาที่พึงกระทำได้ มิได้มีการบิดเบือน เสริมแต่งข้อเท็จจริงใดๆ มิได้มีการกระทำใดๆ อันมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร อันเป็นองค์ประกอบสำคัญตาม ป.อาญา มาตรา 116

วันนี้พวกเราทั้งหลาย จึงขอใช้สิทธิในฐานะผู้เสียหายซึ่งได้รับจากการร้องทุกข์กล่าวโทษพวกข้าพเจ้าดังกล่าว ร้องทุกข์กล่าวโทษเอากับพลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และพลตรีบุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า โดยขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่บุคคลทั้งสอง ผู้บังคับบัญชาและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานอันอาจทำให้ประชาชนหรือผู้อื่นเสียหาย แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาอันอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา เพื่อให้บุคคลได้รับโทษหรือได้รับโทษหนักขึ้นทางอาญา ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่จะทำให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ทั้งนี้โดยการโฆษณาตาม ป.อาญา มาตรา 137, 172, 174, 326 และมาตรา 328









