วิกฤตสภาพอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มีสัญญาณเตือนมากมายให้ทุกอุตสาหกรรมต้องมุ่งปรับตัวไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR แม้ว่าจะดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเป็นแกนหลักของ แต่ก็เตรียมความพร้อมก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา OR ปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเน้นการบริหารจัดการต้นทุนเป็นหลัก รวมไปถึงการขับเคลื่อนธุรกิจ Non-Oil ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ OR นำมาใช้ในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ทำให้ OR มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของราคาน้ำมันโลกได้ดี
ปัจจุบันธุรกิจของ OR แบ่งออกเป็น 4 ธุรกิจหลัก คือ 1. กลุ่ม Mobility ธุรกิจน้ำมันในสถานีบริการ พลังงานสะอาด และการให้บริการด้านพลังงานครบวงจร (Energy Solution Provider) 2. กลุ่ม Lifestyle ธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม (Non-Oil) 3. กลุ่ม Global ธุรกิจต่างประเทศ 4. กลุ่ม OR Innovation นวัตกรรมและเทคโนโลยี
[ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568]

หากฉายภาพให้เห็นผลงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 แม้ว่ารายได้จากการขายและให้บริการรวมจะอยู่ที่ 503,188 ล้านบาท หรือ ลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง แต่กำไรสุทธิกลับพุ่งสูงถึง 9,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 4,575 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98.4%

ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 9.2% จากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับลดลง แต่ภาพรวมปริมาณจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 5.2% จากทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามการขยายสาขา
โดยมี EBITDA รวม 15,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,135 ล้านบาท คิดเป็น 24.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในทุกกลุ่มธุรกิจ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนและการดำเนินงาน ในภาพรวมของทุกกลุ่มธุรกิจ
ในขณะที่ผลการดำเนินการในไตรมาส 3/2568 มีรายได้ขายและบริการ 153,600 ล้านบาท ลดลง 13,566 ล้านบาท หรือลดลง 8.1% จากไตรมาสก่อน มี EBITDA จำนวน 4,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กลุ่มธุรกิจ Mobility จากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากเบนซินและดีเซล ที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากดีเซลและเบนซิน และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 382 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.1%

กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ Café Amazon ในช่วงไตรมาส 3/2568 มีปริมาณจำหน่ายรวม 109 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 2 ล้านแก้วจากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 11 ล้านแก้ว หรือ 11.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยยังคงมีการเติบโตในประเทศ สปป. ที่มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรสูงขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศยังคงอยู่ในทิศทางบวก
[การเติบโตของกลุ่มธุรกิจ OR]

แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งให้ OR มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจ Mobility ใช้ความเป็นผู้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับต้นๆ ในไทย มีสถานีบริการ PTT Station กว่า 2,300 สาขา รวมถึงมีผู้ใช้บริการใน PTT Station มากถึง 4 ล้านคนต่อวัน และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ เดินหน้าเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ ‘Future Fuel Seamless Mobility’ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

โดยปีนี้ นอกจากจะเดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ เพิ่มขึ้น ขยายสาขาศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ไปยังพื้นที่ศักยภาพทั่วประเทศ ยังตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน ขยายบริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) และที่สำคัญคือการพัฒนาสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Station) หนึ่งในพลังงานทางเลือกแห่งอนาคต

ด้านกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ได้เตรียมกลยุทธ์เสริมแกร่งสร้างความมั่นคงของรายได้ Non-Oil และการใช้ PTT Station เป็น Platform ที่สำคัญ ปัจจุบันมีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม 4,729 สาขา โดยมี Café Amazon เป็นฮีโร่แบรนด์ ด้วยจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 4,613 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ ยอดขายเฉพาะไตรมาส 3/2568 ทะลุ 109 ล้านแก้ว หรือ 11.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เน้นย้ำการเป็นผู้นำตัวจริงที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์พันธมิตรอื่นๆ เช่น Pearly Tea และ Pacamara Coffee Roasters รวมถึงร้านค้าปลีก เช่น ร้านสะดวกซื้อ อย่างช่น จิฟฟี่ (Jiffy) ในประเทศไทย 2,347 สาขา

และอีกหนึ่งยุทธศาสตร์คือ การขยายตัวไปสู่ธุรกิจใหม่ด้านสินค้าสุขภาพและความงามจากญี่ปุ่น และเกาหลี ภายใต้แบรนด์ found & found ด้วยคอนเซปต์ ‘SIMPLE. EASY. EVERYSKIN’ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 50 สาขาในปี 2569 รวมไปถึง บริการด้านสุขภาพ เช่น โอบอ้อมคลินิก ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศธุรกิจของ OR ในการสร้างประสบการณ์ครบวงจรสำหรับผู้บริโภค

รวมไปถึงการขยายพื้นที่ความสุขผ่าน OR Space ศูนย์การค้าแนวใหม่นอกสถานีบริการน้ำมัน โดยมีจุดแข็งคือสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ และสินค้าและบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ด้านกลุ่ม Global กลยุทธ์ขยายตลาดไม่เพียงเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงในประเทศแต่ยังตั้งเป้าสร้างแหล่งรายได้ที่มากขึ้น โดยเฉพาะใน สปป. ลาว และ ฟิลิปปินส์โดยนำต้นแบบความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ PTT Station และ Café Amazon ในไทยออกไปสู่ตลาดโลก
[ขับเคลื่อนนวัตกรรมยกระดับประสบการณ์]

มากไปกว่าการขยายธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก ตลอดเวลาที่ผ่านมา OR ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงข้อมูลและยกระดับแอปพลิเคชัน blueplus+ โฉมใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ OR’s Ecosystem ด้วยรูปแบบที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และจดจำได้ทันที
ปี 2568 blueplus+ มีจำนวนสมาชิกกว่า 9 ล้านราย มีผู้ใช้บริหาร blueplus+ เฉลี่ย 5.4 ล้านรายต่อเดือน ทั้งสิทธิประโยชน์ผ่านแอปฯ และสะสมแต้มแลกคะแนนที่ร้านค้า และมียอดดาวน์โหลดแอปฯ 5.6 ล้านครั้ง การปรับโฉมใหม่จะออกแบบโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ทั้งในแง่การใช้งานและคุณค่าที่ได้รับ

เช่น ระบบ Café Amazon Rewards ที่สะสมแต้มตามระดับสมาชิกเมื่อซื้อสินค้าหรือเครื่องดื่มที่ ร้าน Cafe Amazon เพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษ ฟังก์ชันจาก PTT Station ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบราคาน้ำมัน ค้นหาสถานีบริการ และซื้อคูปองส่วนลดได้ทันที รวมไปถึง blueplus+ wallet ที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้า พร้อมต่อยอดสู่การให้บริการเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ OR ได้มีการติดตั้ง Intelligent Station เพื่อศึกษาความชอบ และความต้องการของลูกค้าเชิงลึกว่าชอบมาใช้จ่ายอะไรมากที่สุด เพื่อนำไปปรับปรุงบริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคแต่ละจุดมากขึ้นปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 170 สถานี โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และถนนสายหลักในการเดินทาง และในปี 2569 จะติดตั้งเพิ่มอีก 200 สถานี
[ความสำเร็จที่มาพร้อมความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และโลก]

ความสำเร็จของ OR ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในมุมธุรกิจ ตลอดเส้นทางการเติบโต OR ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และโลก โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero Emissions ภายในปี 2593
การันตีจากการคว้ารางวัล Climate Action Excellence ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตยั่งยืน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ OR ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

โดย OR ยังคงเดินหน้าพัฒนาและยกระดับศักยภาพขององค์กรในทุกมิติ ทั้งด้านพลังงาน ค้าปลีก และดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน พร้อมมุ่งมั่นเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
และรางวัล SET Awards กลุ่ม Sustainability Excellence ในระดับ Highly Commended Sustainability Awards ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดดเด่น มีการกำกับดูแลกิจการที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียรอบด้าน พร้อมทั้งสามารถเติบโตด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นแบบอย่างให้แก่บริษัทจดทะเบียนและองค์กรอื่น
โดย OR ได้รับรางวัล SET Awards ในกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นสร้างโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนทั้งสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน”

ทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจาก ‘การบริหารจัดการต้นทุน’ และ ‘ยุทธศาสตร์การกระจายรายได้’ (Non-Oil) ที่เป็นรูปธรรม และ DNA ขององค์กรที่พร้อมปรับตัวก่อนที่จะถูก Disrupt อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามายกระดับประสบการณ์ลูกค้า การเดินหน้าปรับกลยุทธ์รองรับความต้องการพลังงานสะอาด ไปจนถึงการใช้ PTT Station ให้เป็นมากกว่าสถานีบริการน้ำมัน แต่ตั้งเป้าสร้างให้เป็น ‘Ecosystem Hub ที่เติมเต็มชีวิตผู้บริโภค พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน










