‘สนธิญา’ บุกสภาฯ ร้อง ‘วันนอร์ฯ’ สอบ ‘ธนาธร’ นั่ง กมธ.โอนธุรกิจกองทัพ จี้ ‘พิธา’ ไม่รับเงินเดือนช่วงพักงาน ยันตัวเองไม่ใช่ ‘นักร้อง’ โวบ้านทำธุรกิจ มีเงินสะพัดเกือบร้อยล้าน

วันนี้ (29 ม.ค. 67) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้มีการตรวจสอบ การที่สภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบแต่งตั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนึ่งในกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาโอนธุรกิจกองทัพให้อยู่ในการดูแลของหน่วยงานอื่น เนื่องจากเห็นว่า นายธนาธร ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ขณะนี้ยังไม่ครบกําหนด และยังเป็นผู้ต้องหาคดีรุกป่า รวมไปถึงคดีมาตรา 112 จึงให้พิจารณาว่าการแต่งตั้งนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยเรื่องจริยธรรม ปี 2563 ที่ใช้บังคับกับ สส. และ กมธ. หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามกลับว่า การตั้งบุคคลภายนอกมาเป็น กมธ. ถือเป็นเรื่องปกติ นายสนธิญา ชี้แจงว่า คนที่จะมาเป็น กมธ. ชุดใดก็ตาม บุคคลนั้นต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2. ไม่ขัดต่อกระบวนการจริยธรรม ปี 2563 ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกว่า นายธนาธรขัดคุณสมบัติดังกล่าว แต่อยากให้ประธานสภาฯ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรว่าขัดหรือไม่ แต่ตนเห็นว่ามีหลายเรื่องที่ขัดต่อจริยธรรม
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนขอถามนายวันมูหะมัดนอร์ ผ่านไปยังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลว่า เงินเดือน สส. ของนายพิธา รวมไปถึงเงินสำหรับผู้ช่วย ผู้ชำนาญการ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ในช่วงที่นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ทั้งหมด 6 เดือน เป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาท นายพิธาจะรับหรือไม่ เพราะตนไม่ทราบว่าตลอดเวลา 6 เดือนได้ทํางานหรือไม่ และควรสร้างบรรทัดฐานใหม่ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายสนธิญา ยืนยันด้วยว่า ตนไม่ใช่นักร้องแต่เป็นนักการเมือง มีสมบัติบางส่วนที่พ่อแม่ยกให้ทางภาคใต้ มีสวนปาล์ม และอื่นๆ เล็กน้อย และส่วนตัวทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับต่อไม้ชะลอคลื่น ซึ่งตนมีทีมงานเป็นชาวประมง และ 6-7 ปีที่ผ่านมา ถ้าไปดูในบัญชีตนมีเงินสะพัดอยู่ประมาณเกือบ 100 ล้านบาท และขณะนี้ก็ยังรับงานทั่วไป เพราะตนมีห้างหุ้นส่วนอยู่ในขณะนี้ 2 ห้างหุ้นส่วน แต่ตอนนี้หยุดชั่วคราว เพราะมีปัญหาเรื่องพรรคพวกที่ทำธุรกิจด้วยกันแล้วเบี้ยวเงินตนไปประมาณเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังฟ้องร้องกันอยู่










