สส. ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ จับมือกัน ยื่นแก้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ แก้ปมเสียงข้างมาก 2 ชั้น ดันใช้วิธีการออกเสียงออนไลน์ได้

(ภาพจาก พรรคก้าวไกล)
นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล นำสมาชิกของทั้ง 2 พรรคจำนวนหนึ่ง เข้ายื่น ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ จำนวน 2 ฉบับ กับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทย 129 คน ร่วมกันลงชื่อขอแก้ไขร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เนื่องจากเห็นว่า กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้การออกเสียงประชามติ ต้องมีเสียงข้างมาก หรือเสียงชี้ขาด 2 ชั้น ได้แก่
ชั้นที่ 1 ผู้มาใช้สิทธิต้องเป็นเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิทั้งหมด และชั้นที่ 2 ผู้ที่มาออกเสียงต้องเป็นเสียงข้างมากของผู้ใช้สิทธิ จึงสุ่มเสี่ยงว่าหากประชาชนไม่ออกมาใช้สิทธิหรือไม่ประสงค์ใช้สิทธิ จะทำให้การออกเสียงประชามติเกิดปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้ มีอีก 3 ประเด็นที่ควรแก้ไปพร้อมกัน คือ การออกเสียงประชามติ ต้องใช้งบประมาณราว 3,000 ล้านบาท หากออกเสียงประชามติใกล้วันเลือกตั้งทั่วไปหรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น น่าจะจัดไปพร้อมกันในวันเดียวกันได้ เพื่อประหยัดงบประมาณ และประชาชนไม่ต้องออกมาหลายครั้ง อีกทั้งเห็นว่า ควรใช้เทคโนโลยี สมัยใหม่มาพัฒนาวิธีการออกเสียงประชามติ นอกจากไปกาบัตร เช่นการส่งไปรษณีย์ หรืออาจใช้วิธีการอื่นโดยใช้เทคโนโลยีในการออกเสียงทำประชามติ
ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยยังเห็นว่า ควรเขียนให้ชัดในกฎหมายว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) จำเป็นต้องทำการรณรงค์ รวมทั้งเปิดให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มาแสดงความคิดเห็น
ด้าน นายพริษฐ์ กล่าวว่า อยากให้ประชาชนมองว่า การแก้ไขกฎหมายประชามติครั้งนี้ คือการปรับปรุงกฎหมายให้มีความเป็นธรรม มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประชามติหัวข้อใดก็ตาม โดยในส่วนของพรรคก้าวไกล มี 3 ประเด็นที่เสนอให้แก้ไข คือ
1. ทำให้กติกามีความเป็นธรรม เนื่องจากข้อกังวลหลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น เราเข้าใจว่าผู้ออกกติกานี้ตั้งใจให้ประชามติมีผลต่อประชาชนจำนวนมาก แต่มีความเสี่ยงเปิดช่องให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ถูกถามในประชามติ ใช้วิธิการนอนอยู่บ้าน ไม่ออกมาใช้สิทธิเพื่อคว่ำประชามติ จึงเสนอให้เปลี่ยนกติกา ให้เป็นเสียงกึ่งหนึ่ง 1 ชั้น คือให้เสียงผู้เห็นชอบมีเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ
2. ปลดล็อกให้ กกต. สามารถจัดประชามติในวันเดียวกับการเลือกตั้งๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น เพื่อประหยัดงบประมาณ ซึ่งสอดคล้องกับพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้คณะรัฐมนตรี ใช้เป็นข้ออ้างเลื่อนวันทำประชามติ
3. ทำให้ประชามติมีความทันสมัยมากขึ้น ให้ประชาชนออกเสียงประชามติผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เพราะปัจจุบัน การเข้าชื่อต้องพิมพ์เอกสารออกมาแล้วลงชื่อเท่านั้น ไม่สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ พรรคก้าวไกลจึงต้องการรับประกันสิทธิของประชาชนให้สามารถเข้าชื่อทางออนไลน์ได้ ส่วน 2 ประเด็นเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยนั้น เราเห็นด้วยในหลักการอยู่แล้ว จะดูรายละเอียดในตัวร่างเพิ่มเติมว่า จะปรับปรุงให้รัดกุมยิ่งกว่าฉบับปัจจุบันได้อย่างไร
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ดีใจที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย มายืนแถลงร่วมกันในการเสนอร่างกฎหมาย ที่เราเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ตนหวังว่าวันนี้จะเป็นตัวอย่างและนิมิตหมายที่ดี ว่าแม้เราจะนั่งอยู่กันคนละฝั่งในสภาฯ ในฐานะรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่อะไรที่เราเห็นตรงกัน เราก็พร้อมจะร่วมมือกันผลักดัน อะไรที่เราเห็นต่างกัน เราก็พร้อมจะแข่งกันเต็มที่ ซึ่งแนวทางในการร่วมมือและแข่งขันกันแบบนี้ จะเป็นแนวทางที่ทำให้ประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับประชาชน










