เลือกตั้ง 66 ‘พิธา’ มั่นใจเสียง ส.ว. หนุนพอให้เป็นนายกฯ-ย้ำ ม.112 แก้ไขคือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก

เลือกตั้ง 66 ‘พิธา’ มั่นใจเสียง ส.ว. หนุนพอให้เป็นนายกฯ-ย้ำ ม.112 แก้ไขคือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก

การเมือง

‘พิธา’ มั่นใจเสียง ส.ว. สนับสนุนพอให้เป็นนายกฯ-ย้ำ ม.112 แก้ไขคือแก้ไข ไม่ใช่ยกเลิก เชื่อไม่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลสะดุด

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ (27 มิ.ย. 66) ถึงเสียงของวุฒิสภา (ส.ว.) ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดยระบุว่า ไม่มีความกังวล เพราะเท่าที่ได้พูดคุย วุฒิสภามีหลายท่านที่มีดุลพินิจ มีหลักการที่จะใช้ในการโหวตเลือก ตามบรรทัดฐานที่ทำไว้เมื่อปี 62 ว่า ถ้าในสภาฯ ล่างใครรวมเสียงได้ 251 ก็ไม่อยากจะฝืนมติของสภาฯ ล่าง ซึ่งเป็นมติที่มาจากประชาชนอีกทีหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ตนคิดว่า ทั้ง 250 น่าจะเป็นไปตามหลักการ ที่วุฒิสภายึดให้มั่นมากกว่า คงไม่ใช่เรื่องของบุคคล จะโหวตให้พิธาหรือไม่โหวตให้พิธา ยึดหลักการให้มั่น ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ

ทั้งนี้ นายพิธา ยืนยันว่า สิ่งที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยพูดถึงจำนวนเสียง ส.ว. สนับสนุนนั้นเป็นเรื่องจริง เราพยายามเต็มที่ที่จะทำลายกำแพง ความเข้าใจกันระหว่าง 2 สภาอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีวุฒิสภาที่ยังไม่มีโอกาสได้พูดกับสื่อมวลชน ก็ยังรอเวลาอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวเลขที่สนับสนุนที่บอกว่าคืบหน้าสามารถระบุตัวเลขได้หรือไม่ นายพิธา ตอบกลับว่า “”เพียงพอกับการให้ผมเป็นนายกฯ ครับ”

เมื่อถามว่า เสียง ส.ว. ส่วนใหญ่เหมือนจะติดที่มาตรา 112 จะปลดล็อก ลดเพดาน หรือจะยืนยันในการแก้ไขตามที่หาเสียงไว้

นายพิธา กล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 112 เราได้พูดก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง คือ พูดในเกือบทุกเวทีดีเบต ได้พูดกันชัดเจนให้ตกผลึก การแก้ไขมาตรา 112 เป็นสิ่งที่น่าจะเป็นทางออกให้กับสังคมไทย เพราะในช่วงที่ผ่านมา การใช้มาตรา 112 ในการที่จะเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการรังแกคนเห็นต่าง รวมถึงเยาวชน ไม่ได้เป็นผลดีกับสถาบันใดเลย และการที่เราจะรักษาสิ่งที่เรารัก ก็คือต้องการที่จะให้มีการแก้ไขให้ตามบริบทของสังคมที่มันเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นตรงนี้คงไม่ได้ประเด็นที่จะทำให้เป็นจุดที่จะทำให้เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลสะดุดลง

แต่แน่นอนว่า ในเมื่อมีข้อมูลหลายฝ่ายก็อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดว่า แก้ไขก็คือแก้ไขนะครับไม่ใช่ยกเลิก เป็นต้น เท่าที่ได้คุยกับวุฒิสภาและผู้คนหลายฝ่าย ก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่า การที่เราจะรักษาระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับประเทศไทยในยุคที่เปลี่ยนผ่านไปเรื่อยๆ ตรงนี้ก็ทำความเข้าใจกันดีมากขึ้น ตรงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการนำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขทำให้ไปไม่ถึง นายกฯ จะทำอย่างไร เพราะต้องการเสียงจาก ส.ว.

นายพิธา ตอบว่า “ผมคิดว่าถ้าจะมี ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจนะครับ เพราะว่าเหมือนเป็นการเอาเสียงที่มาจาการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนมาปะทะกับสถาบันโดยตรงก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แล้วก็เป็นสิ่งที่อันตราย เพราะฉะนั้นอย่าเอามาเป็นข้ออ้างอีกเลยครับ เพราะว่า เรามีหลายเรื่องที่เราเห็นตรงกัน ต้องบริหารจัดการ ที่เหลือก็เป็นเรื่องนิติบัญญัติ เป็นเรื่องของรัฐสภา…”

เมื่อถามถึงกรณี ศาลรัฐธรรมนูญลงมติสอบถามปมที่ทนายความยื่นเรื่องกับอัยการสูงสุด นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญ กับอัยการสูงสุด แล้วอย่างที่บอกว่าการแก้ไขกฎหมายกฎหมายหนึ่งก็ไม่เท่ากับการล้มล้างการปกครอง อย่างที่กล่าวหา เป็นข้อกล่าวหาที่เกินจริงไปเยอะ เรามีความตั้งใจที่จะรักษาประเทศไทย ในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นหลักที่เรายืนแม่นอยู่

เมื่อถามว่า เมื่อพิจารณาไทม์ไลน์ของศาลรัฐธรรมนูญ จะคาบเกี่ยวกับวัน โหวตนายกฯ จะเป็นเหตุผลที่ ส.ว. ยกมาอ้างเพื่อไม่โหวตสนับสนุนหรือไม่ นายพิธา เชื่อว่าไม่เป็นไปอย่างที่เป็นข่าว ว่าจะนำเรื่องมาตรา 112 เป็นข้ออ้าง ที่จะไม่ทำมติของสภาฯ ล่าง จึงไม่เป็นประเด็นอะไร

ส่วนเรื่องตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพืธา กล่าวว่า ขอให้รอการประชุมพรุ่งนี้ (28 มิ.ย. 66) กับพรรคเพื่อไทยและจะมีการแถลงร่วมกัน

 

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง