‘ปิยบุตร’ โพสต์ย้ำความสำคัญของตำแหน่งประธานสภาฯ มั่นใจว่าถ้าเป็น ‘ปดิพัทธ์’ จากก้าวไกล จะทำให้เสนอชื่อ ‘พิธา’ ต่อไปได้
หลังจากที่ประชุมรัฐสภามีมติ ไม่ให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 ทำให้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าว
โดยนายปิยบุตรมองว่า ผลการลงมติครั้งนี้ อาจเปิดช่องให้พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มีอำนาจในการต่อรองกับพรรคเพื่อไทยมากขึ้น และหากตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ตั้งแต่แรก คงจะใช้อำนาจประธานยืนยันในการเสนอชื่อนายพิธาอีกรอบได้
โพสต์ของนายปิยบุตรระบุว่า ผลจากการประชุมรัฐสภาวันนี้ คงได้เห็นความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภาในช่วงเวลาที่มาตรา 272 (ให้อำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ) ยังคงอยู่กันแล้ว ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อการเลือกนายพิธาในรอบที่ 2 แต่ยังกระทบไปถึงการลงมติครั้งหน้าในการเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยด้วย
ต่อไปนี้ ส.ว.และ พันธมิตรสามพรรค “ภจท/พปชร/รทสช” (ภูมิใจไทย / พลังประชารัฐ / รวมไทยสร้างชาติ) จะมีอำนาจต่อรองกับเพื่อไทยว่า หากครั้งหน้า เสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยมา โดยที่ยังยึด “8 พรรค” และมีก้าวไกลอยู่ พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย
ทำให้เพื่อไทยและพันธมิตร “8 พรรค” อาจไม่กล้าเสี่ยงในการแบกก้าวไกลไว้อีกต่อไป เพราะหากเสนอคนของเพื่อไทยแล้วไม่ผ่าน ก็อาจเป็นญัตติซ้ำ หรือจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นจากเพื่อไทยอีก หากพวกเขารวมหัวกันคว่ำอีก ก็จะกลายเป็นญัตติซ้ำไปเรื่อยๆ จนแคนดิเดตหมดสต๊อก และทำให้ “ประตู” ของ “ภจท/พปชร/รทสช” ก็เปิดกว้างขึ้น
นายปิยบุตรทิ้งท้ายว่า หาก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานรัฐสภา มั่นใจว่าเขาจะกล้าใช้อำนาจประธานยืนยันว่า การเสนอชื่อนายกฯ ไม่ใช่ ญัตติ หรือต่อให้ลากไปเป็นญัตติซ้ำ แต่ก็มีข้อยกเว้นในข้อ 41 ตอนท้ายว่า “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป” ทำให้เสนอซ้ำได้










