ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคดี วันเดียวกัน 15 พ.ย.นี้ 2 คดี ‘พิธา’ ถือหุ้นไอทีวี และหาเสียง แก้ ม.112 ล้มล้างการปกครองหรือไม่
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งผลประชุมปรึกษาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ (1 พ.ย. 66) คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
กกต. (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัย กรณีนายพิธา สส. (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ตำแหน่ง สส. ของผู้ถูกร้องว่างลง นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2)
ผลการพิจารณา คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งรับคำร้องวันที่ 19 ก.ค. 66 ผู้ถูกร้องยื่นขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตตามขอ ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินกระบวนการพิจารณาแล้ว จำนวน 11 ครั้ง เรียกให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสาหลักฐาน จำนวน 12 ราย
ศาลรัฐธรรมนูญ อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยเพื่อประโยชน์แห่งการพิจาณาให้รอคำชี้แจงและพยานหลักฐานจากบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งศาลเรียกไปก่อนหน้านี้ และเรียกให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งคำชี้แจงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วยแล้ว กำหนดนัดพิจารณาคดีต่อ ในวันพุธ ที่ 15 พ.ย. 66 เวลา 9.30 น.
อีกคดี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษตร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
ต่อมา ผู้ถูกร้องทั้งสอง ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีระบุพยานบุคคล ฉบับลงวันที่ 9 ต.ค. 66 และบัญชีระบุพยานบุคคลเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ฉบับลงวันที่ 18 ต.ค. 66
ผลการพิจารณา คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้อง เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 ศาลรัฐธรรมนูญ ดำเนินกระบวนพิจารณาและรวบรวมพยานหลักฐานมาแล้ว จำนวน 37 ครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐาน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แล้วกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธ ที่ 15 พ.ย. 66 เวลา 9.30 น.












